ถ้าตราบใดที่อนุสัยกิเลสยังไม่ดับ กิเลสก็ย่อมจะเกิดขึ้นได้
โดย chatchai.k  18 ต.ค. 2565
หัวข้อหมายเลข 44782

. วิธีทดลองดูเหมือนจะเป็นในสมัยพุทธกาล หรืออย่างไรก็จำไม่ได้ จะรู้ว่าใครเป็นพระอรหันต์หรือไม่เป็น เอามะขามไปเคี้ยวต่อหน้าท่าน ถ้าท่านมีน้ำลาย ตัณหาในรสมันเกิด ไม่ใช่พระอรหันต์ อีกนัยหนึ่ง ท่านหัวเราะหรือท่านชอบใจ อย่างนี้ไม่ใช่พระอรหันต์ แต่จะรู้จริงๆ ว่าใครเป็นพระอรหันต์หรือไม่ อย่างที่อาจารย์ว่า คือ รู้ยาก

สุ. ก็เป็นเรื่องพิสูจน์พระอรหันต์ หลายท่านๆ ใช้ความคิดความเข้าใจของท่านเองเป็นเครื่องวัด แทนที่จะเอาธรรมวินัยเป็นเครื่องวัด บางท่านเลื่อมใสในบุคคลที่แต่งกายเศร้าหมอง เหมือนกับว่าผู้นั้นหมดกิเลส ถ้าใครแต่งตัวสวยๆ งามๆ ก็ไม่เกิดความเลื่อมใส พุทธบริษัทมี ๔ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ตามความเป็นจริงไม่ใช่ตามมายา หรือหลอกลวงบุคคลอื่นให้เข้าใจผิด สาวกสาวิกาของพระผู้มีพระภาคเป็นผู้ที่ปฏิบัติตรง ไม่ใช่ปฏิบัติคด งอ หลอกลวง หรือมีมายาให้บุคคลอื่นเข้าใจผิด บางคนอาจจะทำเป็นพระอรหันต์สักวันหนึ่ง ไม่ยิ้ม ไม่หัวเราะดังๆ ใครจะทำอย่างไรก็สำรวมไว้ แต่ขอให้ศึกษาดูประวัติของสาวกแต่ละท่านในครั้งอดีตที่มาสู่ธรรมวินัยแล้วก็บรรลุคุณธรรม อย่างท่านวิสาขามิคารมารดาซึ่งเป็นอุบาสิกาถือศีล ๕ ท่านก็มีชีวิตตามที่ท่านได้สะสมมา เป็นแบบหนึ่งของท่าน ท่านไม่ได้ไปหลอกลวงบุคคลอื่นว่า ท่านเป็นพระภิกษุณีหรือหมดกิเลสไปจนถึงขั้นนั้นขั้นนี้ แต่ทุกท่านตรงต่อธรรม

ท่านผู้ฟังท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่า มีอาจารย์มหาวิทยาลัยท่านหนึ่งเป็นผู้มีชีวิตแบบสงบแล้วก็ง่ายๆ ทั้งในความเป็นอยู่ เสื้อผ้า ก็ไม่ได้เดือดร้อนวุ่นวายว่าคนอื่นจะมองท่านไปในลักษณะใด จะว่าเป็นคนล้าสมัย หรือว่า จะเป็นคนที่ไม่สนใจการแต่งกาย ท่านก็ไม่เดือดร้อน ท่านไม่ดื่มสุรายาเมา ซึ่งทำให้บรรดาศิษย์สนใจว่า อาจารย์ท่านนี้มีธรรมขั้นไหน แต่ว่าการเจริญสติปัฏฐานนั้นเป็นการละสมุทยสัจ คือ ความพอใจ ท่านที่มีชีวิตสงบ สงบด้วยการสะสมอุปนิสัยมาที่จะไม่เดือดร้อน ไม่หวั่นไหวในคำวิพากษ์วิจารณ์ของบุคคลอื่น แต่การที่จะละกิเลสได้ดับหมดสิ้นเป็นสมุจเฉทมีหนทางเดียว คือ การที่สติระลึกรู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรม จึงจะละความยินดีความพอใจใดๆ ได้ บางท่านไม่ทราบว่า ท่านมีความยินดีความพอใจอยู่ที่ใดอยู่ขั้นใด อย่างท่านที่มีชีวิตสงบแลท่านมีความยินดีพอใจ สมุทยสัจก็อยู่ที่ความสงบนั้นแล้ว ท่านจึงไม่เจริญปัญญาให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น เพื่อที่จะได้ละคลาย แล้วก็ดับหมดสิ้นเป็นสมุจเฉท

ถ้าตราบใดที่อนุสัยกิเลสยังไม่ดับ กิเลสก็ย่อมจะเกิดขึ้นได้ นี่เป็นเรื่องที่ทุกท่านควรที่จะได้พิจารณาว่า หนทางที่จะทำให้ดับกิเลสได้แท้จริงนั้นด้วยการเจริญสติ ไม่ใช่เพียงขั้นสงบ หรือว่าเพียงมีความเป็นอยู่อย่างง่ายๆ ไม่เดือดร้อนกับคำวิพากษ์วิจารณ์ของบุคคลอื่น แล้วก็จะกลายเป็นพระอรหันต์ไปทีละเล็กทีละน้อยโดยที่ไม่ได้เจริญสติ นั้นไม่ได้


ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...

แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 174