กกจูปมสูตรพระผู้มีพระภาคตรัสต่อไปว่า
เรื่องเคยมีมาแล้ว ที่พระนครสาวัตถีนี้แหละ มีแม่เรือนคนหนึ่ง ชื่อเวเทหิกา มีกิตติศัพท์ขจรไป ว่าเป็นคนสงบเสงี่ยมอ่อนโยนเรียบร้อย แม่เรือนเวเทหิกามีทาสี ชื่อกาลี เป็นคนขยันไม่เกียจคร้าน จัดการงานดี
นางกาลีได้คิดว่า นายของตนนั้นไม่แสดงความโกรธให้ปรากฏ หรือว่าไม่มีความโกรธอยู่เลย เพราะเหตุว่า ตนจัดการงานทั้งหลายเรียบร้อยดี เพราะฉะนั้น ด้วยความสงสัย นางกาลีทาสีแกล้งลุกขึ้นสาย ซึ่งแม่เรือนเวเทหิกาก็โกรธ ขัดใจ ทำหน้าบึ้ง ดุว่านางกาลี นางกาลีก็รู้ว่า ที่แม่เรือนเวเทหิกาไม่แสดงความโกรธนั้น ไม่ใช่เพราะไม่มีความโกรธ แต่เป็นเพราะเหตุว่า ตนจัดการงานทั้งหลายเรียบร้อยดี
ซึ่งนางกาลีก็ใคร่ที่จะทดลองนายหญิงของตนให้ยิ่งขึ้นไป ถัดจากวันนั้นมา ก็ลุกขึ้นสายกว่านั้นอีก ซึ่งแม่เรือนเวเทหิกาก็ได้แสดงความโกรธออกมาให้ปรากฏยิ่งขึ้น จนกระทั่งกิตติศัพท์อันชั่วขจรไปว่า แม่เรือนเวเทหิกาเป็นคนดุร้าย ไม่อ่อนโยนไม่สงบเสงี่ยมเรียบร้อย แม้ฉันใด ภิกษุบางรูปในพระธรรมวินัยนี้ก็ฉันนั้น เป็นคนสงบเสงี่ยมจัด เป็นคนอ่อนโยนจัด เป็นคนเรียบร้อยจัดได้ ก็เพียงชั่วเวลาที่ยังไม่ได้กระทบถ้อยคำ อันไม่เป็นที่พอใจเท่านั้น ก็เมื่อใดกระทบถ้อยคำ อันไม่เป็นที่พอใจเข้า ก็ยังเป็นคนสงบเสงี่ยม อ่อนโยน เรียบร้อยอยู่ได้ เมื่อนั้นแหละควรถือว่า เป็นคนสงบเสงี่ยม อ่อนโยน เป็นคนเรียบร้อยจริง
นี่ก็จะเห็นได้ว่า ถ้าไม่อุปการะแก่พระภิกษุแล้ว พระผู้มีพระภาคจะไม่ตรัสถึงแม่เรือนเวเทหิกา ในพระนครสาวัตถีเลย แต่ทำไมตรัสถึงแม่เรือนเวเทหิกา ก็เพื่อเป็นการเปรียบเทียบให้เห็นว่า
บุคคลที่มีกิตติศัพท์ว่าเป็นคนที่อ่อนโยนเรียบร้อยนั้น เป็นเพราะเหตุว่า ยังไม่มีสิ่งที่ไม่น่าพอใจมากระทบ แต่ว่าขณะใดก็ตามที่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ไม่เป็นที่พอใจ เป็นต้นว่า ได้กระทบกับถ้อยคำอันไม่เป็นที่พอใจเท่านั้น ก็ไม่เป็นคนสงบเสงี่ยม ไม่เป็นคนอ่อนโยน ไม่เป็นคนเรียบร้อย แต่ว่าถ้าผู้ใดเป็นคนที่ถึงแม้กระทบถ้อยคำอันไม่เป็นที่น่าพอใจเข้า ก็ยังเป็นคนสงบเสงี่ยม อ่อนโยน เรียบร้อยอยู่ได้ เมื่อนั้นแหละควรถือว่า เป็นคนสงบเสงี่ยมอ่อนโยน เป็นคนเรียบร้อยจริง
ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...
แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 47