ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
สนทนาธรรมที่
มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา (ม.ศ.พ.)
พระสูตร ที่จะนำมาสนทนาที่มูลนิธิฯ วันเสาร์ที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๕๔ เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๒.๐๐ น. คือ
อุททกสูตร (ว่าด้วยอุททกดาบส)
...จาก... พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม ๔ ภาค ๑ หน้าที่ ๑๗๕
(ภาพแสดงบรรยากาศการสนทนาธรรมที่มูลนิธิฯ ในวันอาทิตย์ที่ ๖ มี.ค. ๒๕๕๔)
...นำสนทนาโดย...
ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และ คณะวิทยากร
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม ๔ ภาค ๑ หน้าที่ ๑๗๕
อุททกสูตร (ว่าด้วยอุททกดาบส)
[๑๕๑] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ได้ยินว่า อุททกดาบส รามบุตร ย่อมกล่าววาจาอย่างนี้ว่า เราขอบอก เราเป็นผู้จบเวทโดยส่วนเดียว เราขอบอก เราเป็นผู้ชนะทุกอย่างโดยส่วนเดียว เราขอบอก เราขุดเสียแล้วซึ่งมูลรากแห่งทุกข์ที่ใครขุดไม่ได้โดยส่วนเดียว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อุททกดาบส รามบุตร ยังเป็นผู้ไม่จบเวทก็กล่าวว่าเราเป็นผู้จบเวท ยังเป็นผู้ไม่ชนะทุกอย่าง ก็กล่าวว่าเราเป็นผู้ชนะทุกอย่าง ยังไม่ได้ขุดมูลรากแห่งทุกข์ ก็กล่าวว่าเราขุดมูลรากแห่งทุกข์ได้แล้ว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ เมื่อจะกล่าวข้อนั้นโดยชอบ ควรกล่าวว่า เราขอบอก เราเป็นผู้จบเวทโดยส่วนเดียว เราขอบอก เราเป็นผู้ชนะทุกอย่างโดยส่วนเดียว เราขอบอก เราขุดมูลรากแห่งทุกข์ที่ใครขุดไม่ได้โดยส่วนเดียว
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุย่อมเป็นผู้จบเวท อย่างไร? ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุย่อมรู้ตามความเป็นจริงซึ่งความเกิด ความดับ คุณ โทษ และอุบายเครื่องสลัดออกแห่งผัสสายตนะ ๖ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุย่อมเป็นผู้จบเวท อย่างนี้แล
ภิกษุย่อมเป็นผู้ชนะทุกอย่าง อย่างไร? ภิกษุ ย่อมรู้ตามความเป็นจริงซึ่งความเกิด ความดับ คุณ โทษ และอุบายเครื่องสลัดออกแห่ง ผัสสายตนะ ๖ เป็นผู้หลุดพ้นแล้วเพราะไม่ถือมั่น ภิกษุย่อมเป็นผู้ชนะทุกอย่าง อย่างนี้แล ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มูลรากแห่งทุกข์ที่ใครขุดไม่ได้ อันภิกษุขุดได้แล้ว อย่างไร? ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คำว่า " คัณฑะ" นี้ เป็นชื่อของกายนี้ อันเป็นที่ประชุมแห่งมหา-ภูตรูป ๔ ซึ่งมีมารดาบิดาเป็นแดนเกิด เติบโตขึ้นเพราะข้าวสุกและขนมสด มีความไม่เที่ยง ต้องขัดสี นวดฟั้น แตกสลายกระจัดกระจายเป็นธรรมดา, คำว่า "คัณฑมูล" นี้ เป็นชื่อของตัณหา ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ตัณหา อันภิกษุละเสียแล้ว ให้มีรากขาดแล้ว ทำให้เป็นเหมือนตาลยอดด้วน ทำให้ไม่มีไม่เกิดขึ้นต่อไปเป็นธรรมดา ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มูลรากแห่งทุกข์ที่ใครๆ ขุดไม่ได้ อันภิกษุขุดเสียแล้ว อย่างนี้แล ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ได้ยินว่า อุททกดาบส รามบุตร ย่อมกล่าววาจาอย่างนี้ว่า เราขอบอก เราเป็นผู้จบเวทโดยส่วนเดียว เราขอบอก เราชนะทุกอย่างโดยส่วนเดียว เราขอบอก เราขุดเสียแล้วซึ่งมูลรากแห่งทุกข์ที่ใครขุดไม่ได้ โดยส่วนเดียว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อุททกดาบส รามบุตร ยังเป็นผู้ไม่จบเวท ก็กล่าวว่าเราเป็นผู้จบเวท ยังไม่เป็นผู้ชนะทุกอย่าง ก็กล่าวว่าเราชนะทุกอย่าง ยังขุดมูลรากแห่งทุกข์ไม่ได้ ก็กล่าวว่าเราขุดมูลรากแห่งทุกข์เสียแล้ว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ เมื่อจะกล่าวข้อนี้โดยชอบ ควรกล่าวว่าเราขอบอก เราเป็นผู้จบเวทโดยส่วนเดียว เราขอบอก เราเป็นผู้ชนะทุกอย่างโดยส่วนเดียว เราขอบอก เราขุดมูลรากแห่งทุกข์ที่ใครขุดไม่ได้โดยส่วนเดียว.
จบ อุททกสูตรที่ ๑๐
อรรถกถาอุททกสูตรที่ ๑๐
ในอุททกสูตรที่ ๑๐ มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้ .-
ศัพท์ว่า สุท ในบทว่า อุทโก สุท นี้ เป็นเพียงนิบาต. บทว่า อุทโก เป็นชื่อของสูตรนั้น. บทว่า อิท ในบทว่า อิท ชาตุ เวทคู นี้เป็นเพียงนิบาต. อีกอย่างหนึ่ง เมื่อทรงแสดงว่า ท่านจงฟังคำของเรานี้ จึงได้ตรัสอย่างนั้น. บทว่า ชาตุ เวทคู ความว่า เราจบเวทโดยส่วนเดียว อธิบายว่า ไปในเวไนยสัตว์ ด้วยญาณกล่าวคือ เวท หรือถึง คือ บรรลุเวท เป็นบัณฑิต. ด้วยบทว่า ปพฺพชิ ตรัสว่า เรารู้ ครอบงำวัฏฏะทั้งปวงแล้วชนะโดยส่วนเดียว. บทว่า อปลิขต คณฺฑมูล ได้แก่ รากทุกข์ยังไม่ได้ขุด. ด้วยบทว่า ปริขณึ ทรงแสดงว่า เราขุดรากทุกข์ที่ขุดแล้วตั้งอยู่. บทว่า มาตาเปตฺติกสมฺภวสฺส ได้แก่ เกิดด้วยเลือดสุกกะ (ขาว) ซึ่งแบ่งจากมารดาและบิดา คือ ของมารดาบิดา. บทว่า โอทนกุมฺมาสูปจยสฺส ได้แก่ ก่อสร้างด้วยข้าวสุกและขนมสด. ในบทว่า อนิจฺจุจฺฉาทนปริมทฺทนเภทนวิทฺธสนธมฺมสฺส นี้ มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.- กายนี้ ชื่อว่า มีความไม่เที่ยงเป็นธรรมดา เพราะมีแล้วกลับไม่มีชื่อว่า อบเป็นธรรมดา เพราะลูบไล้ด้วยของหอม เพื่อประโยชน์แก่การกำจัดกลิ่นเหม็น, ชื่อว่า มีการอาบนวดเป็นธรรมดา เพราะใช้น้ำและนวดเพื่อประโยชน์จะบรรเทาความเจ็บปวดอวัยวะน้อยใหญ่. อีกอย่างหนึ่งชื่อว่า มีการประคบประหงมเป็นธรรมดา โดยหยอดยาตา การดัดเป็นต้น เพื่อความสมบูรณ์แก่ทรวดทรงแห่งอวัยวะนั้นๆ ที่ทรวดทรงไม่ดี เพราะอยู่ในครรภ์ คลอดแล้ว เวลาเป็นทารก ก็ให้นอนอยู่บนตัก. กาย แม้เขาบริหารอย่างนี้ ก็แตกกายกระจัดกระจายเป็นธรรมดา เพราะเหตุนั้น กายจึงต้องแตกและเรี่ยรายไป อธิบายว่า มีสภาวะเป็นอย่างนั้น. ในพระสูตรนั้น ตรัสถึงความเจริญด้วยบทว่า กายเกิดแต่มารดาบิดา การเติบโตด้วยข้าวสุกและขนมสด และการประคบประหงม. ตรัสถึงความเสื่อม ด้วยบทว่า ไม่เที่ยง แตก และการกระจัดกระจาย อีกอย่างหนึ่ง ตรัสการเกิดขึ้นด้วยบทก่อนๆ และการดับไปด้วยบทหลังๆ . ทรงแสดงความต่างแห่งการเจริญ การเสื่อมและการบังเกิดแห่งกาย ซึ่งประชุมด้วยมหาภูตรูป ๔ ด้วยประการฉะนี้. คำที่เหลือ มีอรรถง่ายทั้งนั้นแล.
จบ อรรถกถาอุททกสูตรที่ ๑๐.
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ข้อความโดยสรุป อุททกสูตร (ว่าด้วยอุททกดาบส) พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดงว่า อุททกดาบส รามบุตร ไม่ได้จบเวท ไม่ได้ชนะทุกอย่าง ไม่ได้ขุดมูลรากแห่งทุกข์ ก็กล่าวว่า ตนเองจบเวท ชนะทุกอย่าง และ ขุดมูลรากแห่งทุกข์ ซึ่งความจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย ต่อจากนั้น พระองค์ทรงแสดงต่อไปว่า -ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ จบเวท ด้วยการรู้ถึงความเกิด ความดับ คุณ โทษ และอุบายเครื่องสลัดออกแห่งผัสสายตนะ ๖ -ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ ชนะทุกอย่าง ด้วยการรู้ถึงความเกิด ความดับ คุณ โทษและอุบายเครื่องสลัดออกแห่งผัสสายตนะ ๖ เป็นผู้หลุดพ้นเพราะไม่ถือมั่น -ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ ขุดมูลรากแห่งทุกข์ ด้วยการดับตัณหาได้อย่างเด็ดขาดแล้ว ไม่เป็นเหตุให้เกิดในภพใหม่อีกต่อไป อย่างนี้จึงจะชื่อว่า จบเวท ชนะทุกอย่าง และขุดมูลรากแห่งทุกข์ได้.
ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่นี่ ครับ
ปฐมสัมโพธสูตร .. ความรู้แท้ในเรื่องอายตนะ
เวท ... เวทคู
เมื่อไหร่สังสารวัฏฏ์ถึงจะสิ้นสุดลง
พระอรหันต์สิ้นสุดการเดินทางในสังสารวัฏฏ์ [คาถาธรรมบท]
อยู่พรหมจรรย์ เป็นอย่างไร?
ตัณหา
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบคุณและขออนุโมทนาค่่ะ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
กราบอนุโมทนาค่ะ
กราบอนุโมทนาค่ะ