สุภัททปริพาชก ชาวเมืองกุสินารา เข้าไปขอเข้าเฝ้าพระพุทธองค์เพื่อทูลถามปัญหาที่ตนยังสงสัย ได้ขออนุญาตกับพระอานนท์ถึง ๓ ครั้งแต่พระอานนท์ไม่อนุญาต เพราะเกรงว่า พระพุทธองค์จะทรงเหน็ดเหนื่อย
พระพุทธองค์สดับถ้อยคำ ที่พระอานนท์และสุภัททปริพาชกสนทนากันจึงมีรับสั่งให้สุภัททะเข้าเฝ้า แล้วทรงแสดงธรรมโปรดว่าธรรมวินัยใด มีอริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์ย่อมหาได้ ในธรรมวินัยนั้น หากสมณะเหล่านั้น ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ตามแนวทาง อริยมรรคมีองค์ ๘โลกนี้จะไม่ว่างจากพระอรหันต์.สุภัททปริพาชก ฟังพระธรรมเทศนาแล้วมีความเลื่อมใสขออุปสมบทในพระพุทธศาสนา พระพุทธองค์จึงรับสั่งให้พระอานนท์เป็นผู้บรรพชาโดยวิธีรับ ไตรสรณคมน์
พระพุทธองค์ทรงประทานอุปสมบทแล้ว ตรัสบอกกัมมัฏฐานพระสุภัททะ รับกัมมัฏฐานและอฐิษฐานจงกรม ในบริเวณอุทยานนั้นเองต่อมา ท่านได้บรรลุอรหัตตผล พร้อมด้วยปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ อภิญญา ๖ ในคืนนั้นเองท่านเป็น ปัจฉิมสักขิสาวก คือ พระอรหันต์สาวกรูปสุดท้ายที่ทันเห็นพระพุทธเจ้าก่อนปรินิพพาน
อรรถกถากล่าวว่า ในอดีตชาติ พระสุภัททะ เป็นน้องชายของท่านพระอัญญาโกณฑัญญะ
จากนั้น พระศาสดาตรัสแก่พระอานนท์และภิกษุสงฆ์ทั้งหลายว่าหลังจากเราปรินิพพานแล้ว ให้ปฏิบัติดังนี้
๑. ให้คณะสงฆ์ถือพระธรรมวินัยที่ทรงแสดง และทรงบัญญัติไว้แล้วนั้น เป็นศาดาต่อไป
๒. ภิกษุที่มีพรรษาแก่กว่า ให้เรียกภิกษุผู้อ่อนพรรษากว่าด้วยชื่อ ตระกูล หรือคำว่า อาวุโส
๓. ภิกษุที่มีพรรษาอ่อนกว่า ให้เรียกภิกษุผู้แก่พรรษากว่า ด้วยคำว่า ภันเต หรือ อายัสมา
๔. สิกขาบทที่ไม่สำคัญ อนุญาตให้คณะสงฆ์ถอดถอนได้
๕. ให้พระอานนท์ ลงพรหมณทัณฑ์แก่ ฉันนะภิกษุ ด้วยการไม่ให้คณะสงฆ์ว่ากล่าวตักเตือน สั่งสอน และคบหาสมาคมด้วย
จากนั้น ประทานโอกาสให้เหล่าภิกษุทั้งหลาย ถามความข้องใจในข้อปฏิบัติที่ยังสงสัยอยู่ แต่ปรากฏว่าไม่มีผู้ใดสงสัยแม้พระองค์จะตรัสถึง ๓ ครั้ง
พระอานนท์ทูลว่า น่าอัศจรรย์ ไม่มีภิกษุแม้แต่รูปเดียว ที่สงสัยในข้อปฏิบัติ
พระพุทธองค์จึงตรัสว่า เพราะภิกษุที่ประชุมกันอยู่ ๕๐๐ รูปนี้อย่างน้อยก็เป็นพระโสดาบันมีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา มีทางที่จะตรัสรู้ต่อไปในภายภาคหน้า พระพุทธองค์ตรัส พระปัจฉิมพุทธพจน์ ว่า ภิกษุทั้งหลาย เราขอเตือนพวกเธอเป็นครั้งสุดท้ายว่าสังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรดาเธอทั้งหลายจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด
ข้อความบางตอนจากหนังสือ "พระพุทธกิจ ๔๕ พรรษา" เรียบเรียงโดย คุณสุรีย์ และเรือโท วิเชียร มีผลกิจ จัดพิมพ์เผยแพร่โดย "คณะสหายธรรม"
ขออนุโมทนา
สาธุ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ