ภาระ ๓ อย่าง
โดย pirmsombat  9 พ.ย. 2554
หัวข้อหมายเลข 19992

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

[เล่มที่ 66] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย มหานิทเทส เล่ม ๕ ภาค ๒ - หน้าที่ 259

ว่าด้วยภาระ ๓ อย่าง

[๖๙๘] ชื่อว่า ภาระ ในคำว่า

มุนีนั้น เป็นผู้ปลงภาระลงแล้ว พ้นขาด

ได้แก่ภาระ ๓ อย่าง คือ

ขันธภาระ ๑

กิเลสภาระ ๑

อภิสังขารภาระ ๑ .

ขันธภาระเป็นไฉน

รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ

ในปฏิสนธิ นี้ชื่อว่า ขันธภาระ .

กิเลสภาระเป็นไฉน

ราคะ โทสะ โมหะ ฯลฯ อกุสลาภิสังขาร

ทั้งปวง นี้ชื่อว่า กิเลสภาระ .

อภิสังขารภาระเป็นไฉน

ปุญญาภิสังขาร อปุญญาภิสังขาร

อเนญชาภิสังขาร นี้ชื่อว่า อภิสังขารภาระ .

ขันธภาระ กิเลสภาระ และ อภิสังขารภาระ เป็นสภาพอันมุนีละแล้ว มีรากอันตัดขาดแล้ว ทำไม่ให้ มีที่ตั้งดังตาลยอดด้วน ให้ถึงความไม่มีในภายหลัง มีความไม่เกิดขึ้น ต่อไปเป็นธรรมดา เมื่อใด เมื่อนั้น มุนีนั้นเรียกว่า เป็นผู้ปลงภาระ ลงแล้ว มีภาระตกไปแล้ว มีภาระอันปลดแล้ว มีภาระอันปล่อยแล้ว มีภาระอันวางแล้ว มีภ าระระงับแล้ว.



ความคิดเห็น 1    โดย mahabaramee  วันที่ 9 พ.ย. 2554

ขออนุโมทนา


ความคิดเห็น 2    โดย ผ้าเช็ดธุลี  วันที่ 9 พ.ย. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอบพระคุณ และ ขออนุโมทนากุศลจิตทุกดวงครับ


ความคิดเห็น 3    โดย khampan.a  วันที่ 9 พ.ย. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระอรหันต์ ซึงเป็นผู้ดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาด เป็นผู้ปลงภาระ ทั้ง ๓ อย่างลงได้แล้ว หลังจาที่ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ ชีวิตของท่านก็ต้องดำเนินต่อไป มีสภาพธรรม คือ จิต เจตสิก รูป (ขันธ์) เกิดขึ้นเป็นไป แต่ไม่เป็นไปกับด้วยกิเลส ไม่เป็นที่ตั้งให้กิเลสเกิดขึ้น เพราะดับกิเลสได้หมดสิ้นแล้วไม่เกิดอีกเลย จนกว่าจะปรินิพพาน เมื่อท่านปรินิพพานแล้ว ไม่มีการเกิดขึ้นอีกในสังสารวัฏฏ์ เป็นผู้สิ้นกรรมและผลของกรรมอย่างสิ้นเชิง ไม่มีขันธ์ใดๆ เกิดขึ้นอีกเลย เป็นผู้สิ้นทุกข์โดยประการทั้งปวง ครับ ... ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณหมอและทุกๆ ท่านครับ ...


ความคิดเห็น 4    โดย paderm  วันที่ 9 พ.ย. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอขอบพระคุณและอนุโมทนาในกุศลจิตของคุณหมอ อาจารย์คำปั่นและทุกท่านครับ


ความคิดเห็น 5    โดย สมศรี  วันที่ 9 พ.ย. 2554
ขอบพระคุณและอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ

ความคิดเห็น 6    โดย ผู้ร่วมเดินทาง  วันที่ 9 พ.ย. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาคุณหมอและอาจารย์คำปั่นครับ ขออนุญาตสอบถามเพิ่มเติม

ว่า เป็นภาระดัวยเหตุใด และ แต่ละอย่างเป็นภาระต่างกันอย่างไร


ความคิดเห็น 7    โดย paderm  วันที่ 9 พ.ย. 2554

เรียนความเห็นที่ 6 ครับ

คำว่า ภาระ โดยทั่วไปก็คือ เป็นสิ่งที่ต้องดูแล ไม่พ้นไปจากสิ่งหนึ่ง เป็นภาระกับบุคคลนั้น ทำให้ไม่พ้นไป เพราะต้องติดกับภาระนั้น ดังนั้น พระพุทธเจ้าทรงแสดง ภาระตามความ เป็นจริง ว่า สิ่งที่เป็นภาระ มี 3 อย่างคือ

1.ขันธภาระ

2.กิเลสภาระ

3.อภิสังขารภาระ ขันธภาระ หมายถึง สภาพธรรมที่มีจริงที่เป็น จิต เจตสิกและรูป คือ รูป เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาณ ชื่อว่าเป็นภาระ เพราะมีขันธ์ 5 เมื่อกล่าวโดยนัยพระสูตรแล้ว เพราะ มีร่างกาย มีจิต ก็ต้องให้ทานอาหาร ต้องบริหารร่างกาย อย่างนี้ทุกๆ วัน เป็นภาระไปตลอด ตราบเท่าที่มีขันธ์ 5 และเมื่อกล่าวอีกนัยหนึ่ง เพราะมีสภาพธรรมที่มีจริงทีเกิดดับ ก็ต้อง เป็นภาระ ภาระคือ ไม่ให้ไม่เกิดไม่ได้ แม้จะไม่รู้ว่าเป็นภาระก็ตาม แต่การเกิดขึ้นและดับ

ไปของสภาพธรรม เป็นภาระที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ของการมีสภาพธรรมที่มีขันธ์ 5 ครับ
กิเลสภาระ หมายถึง สภาพธรรมทีเป็นอกุศลธรรมที่เป็นกิเลส ประการต่างๆ มี โลภะ โทสะ โมหะ เป็นต้น กิเลสประการต่างๆ เหล่านี้ เป็นภาระแน่นอนครับ เพราะมีกิเลส ก็จะ ต้องทำกิจการงานประการต่างๆ ตามกำลังของกิเลส นี่กล่าวโดยนัยพระสุตร ทำให้มีภาระ และเมื่อกล่าวโดยละเอียดแล้ว เพราะ กิเลส เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ เป็นเหตุให้มีการเกิด เพราะฉะนั้นกิเลส เป็นสภาพธรรมที่ทำให้เกิดภาระ เกิดขันธ์ 5 ครับ กิเลสจึงเป็นภาระและ ทำให้เกิดภาระด้วยครับ

อภิสังขารภาระ หมายถึง สภาพธรรมที่ปรุงแต่งอย่างยิ่ง คือ เจตนาเจตสิก ที่เป็นไปใน กุศลกรรม อกุศลกรรม ดังนั้น กุศลกรรมที่ทำ และ อกุศลกรรมที่ทำ เป็นภาระ เพราะทำ ให้เกิดการเกิดอีกเช่นกัน เกิดสิ่งทีเป็นภาระ คือ ขันธ์ 5 เพราะอาศัยการทำกรรมที่ดีหรือ ไม่ดี เมื่อกรรมนั้นให้ผลก็นำมาซึ่งปฏิสนธิ นำมาซึ่งการเกิดขึ้นของขันธ์ 5 จึงเป็นเหตุให้ เกิดภาระด้วย และกุศลกรรม อกุศลกรรม ก็เป็นภาระเพราะไม่พ้นจากการเกิดดับ ที่ต้อง เป็นไปอย่างนั้น จึงเป็นภาระด้วยเช่นกันครับ ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนาครับ

เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ ...

ภารสูตร ... วันเสาร์ที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๕๔


ความคิดเห็น 8    โดย nong  วันที่ 9 พ.ย. 2554

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 9    โดย เซจาน้อย  วันที่ 9 พ.ย. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 10    โดย ผู้ร่วมเดินทาง  วันที่ 9 พ.ย. 2554
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาอาจารย์ผเดิมครับ

ความคิดเห็น 11    โดย orawan.c  วันที่ 11 พ.ย. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 12    โดย muda muda  วันที่ 5 พ.ย. 2567

กราบอนุโมทนาสาธุคะ