ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
วันนี้ วันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๕๘ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และคณะวิทยากรก็ได้สนทนาธรรมต่อเป็นวันที่สอง ที่โรงแรมอิมพีเรียลแม่ปิง จ. เชียงใหม่ ตั้งแต่เวลา ๐๙.๐๐ ถึง ๑๕.๐๐ น. ตลอดการสนทนา ก็เป็นประโยชน์เกื้อกูล เป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกในสิ่งที่มีจริง ซึ่งก็ไม่พ้นไปจากชีวิตประจำวัน
สำหรับวันนี้ ประทับใจมาก ที่ท่านอาจารย์ได้กล่าวถึงความเป็นผู้บ่นเพ้อธรรม ซึ่งช่วงดังกล่าวที่ท่านอาจารย์ได้สนทนานั้นเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง มีหลากหลายสาระที่ควรค่าจะศึกษาให้เข้าใจจริงๆ จึงขออนุญาตถอดคำสนทนาดังกล่าว เพื่ออ่านศึกษาทบทวน เพื่อความเข้าใจชัดเจนยิ่งขึ้น ดังนี้
"ขอกล่าวถึงคำว่า บ่นเพ้อ ก่อน ก่อนที่จะถึงธรรม เพราะเราก็ทราบอยู่แล้วว่าธรรมก็คือสิ่งที่มีจริงๆ ธรรมดาบ่นกันบ้างหรือเปล่า เรื่องนิดเดียว บ่นยาว บางคนครึ่งวันยังไม่จบ บางคนต่ออีกวันรุ่งขึ้น ซ้ำซากคนฟังเรื่องเดียวกันนั่นแหละ พูดทำไม บ่นทำไม มีประโยชน์หรือเปล่า นี้คือ บ่น แล้วก็เพ้อ อย่างคนที่ไม่รู้สึกตัว ป่วยหนัก เราเข้าใจคำนี้เลย เพ้อแล้วพูดอะไรก็ไม่รู้ ไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้น แต่ละคนพูด รู้ตัวหรือเปล่า ว่ากำลังพูดอะไร?
จิต ละเอียดมาก มีทั้งกุศลจิต และ อกุศลจิต วาจาเกิดจากจิต ถ้าไม่มีจิต พูดไม่ได้ และขณะนี้เหมือนกับว่าไม่ได้มีความคิดใดๆ เลย แต่สภาพธรรมเกิดดับเร็วมาก เสียงที่ได้ยินต้องมาจากจิตที่คิด แล้วแต่ว่าจิตนั้นคิดอะไรก็พูดเนื้อความของเสียงตรงกับความคิด เพราะฉะนั้นขณะนี้มีรูปที่ทำให้เกิดเสียง เพราะจิตเกิดขึ้นก็ไม่รู้ และเสียงขณะนี้บางเสียงเกิดขึ้นเพราะจิต บางเสียงไม่ได้เกิดขึ้นเพราะจิต อย่างเสียงภายนอกไม่ได้เกิดขึ้นเพราะจิต ถึงแม้ในร่างกาย เสียงที่เกิดเพราะจิต คือขณะที่กำลังพูดก็มี เสียงที่ไม่ได้เกิดจากจิตก็มี เพราะฉะนั้น แม้แต่แต่ละคำพระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้และทรงแสดงความจริงไว้ ละเอียดยิ่งเพื่อให้เห็นว่าเป็นธรรมจริงๆ แต่ละหนึ่ง
ก่อนฟังธรรมก็เพ้อกันไปด้วยการไม่รู้สึกตัวเลย เรื่องที่พูด ควรพูดไหม พูดแล้วมีประโยชน์ไหม แล้วพูดทำไม ขณะที่เป็นอกุศลจิตแล้วก็ไม่รู้สึกตัวแล้วแต่ว่าพูดเรื่องอะไร ถ้าพูดอย่างขาดสติกำลังป่วยหนัก นั่น เพ้อแน่ ทุกคนรู้ แต่ถึงไม่ป่วยหนักทางกาย ใจป่วยไหม เพราะว่ามีสองอย่าง กายป่วยกับใจป่วย กายป่วยรู้จักกันล่ะ เช่น ปวดหัวตัวร้อนเป็นไข้ต่างๆ นานา แต่ใจป่วยรู้หรือเปล่า เมื่อไหร่ กำลังป่วยก็ไม่รู้ ขณะใดก็ตามที่มีอกุศล ใจป่วยแล้ว บางคนเจ็บหนัก ใจหนักมาก เจ็บมาก เดือดร้อนมาก ป่วยก็ไม่รู้ ว่า ขณะนั้นโรคโทสะ หรือว่าโรคโลภะ และโรคโมหะนี้แน่ๆ อยู่แล้ว มีกันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นชีวิตวันหนึ่งๆ ไม่รู้สึกตัวเลย ถ้าไม่ได้ฟังคำสอน ไม่รู้สภาพของจิตแต่ละขณะ แม้แต่แต่ละคำที่พูดก็ไม่รู้ว่าขณะนั้น อะไรเป็นปัจจัยให้พูดคำนั้นออกไป ด้วยเหตุนี้ ถ้าคำนั้นเป็นคำที่ไม่มีประโยชน์อะไรเลยทั้งสิ้น แล้วก็พูดมากๆ พร่ำเพ้อ เราก็บอกว่าคนนั้นเพ้อ พร่ำเพ้ออยู่ได้ ไม่ว่าจะด้วยโลภะ เพ้อได้ไหม พร่ำเพ้อออกมาอาจจะเป็นบทกลอน เป็นเพลง เป็นอะไรสารพัดที่จะเพ้อไป ก็ได้ ถ้าเป็นโทสะก็เพ้ออีกเหมือนกัน แรงด้วย มีแต่คำที่ไม่น่าฟัง ทั้งหมดก็มาจากอกุศลจิตซึ่งมีโมหเจตสิก สภาพที่ไม่สามารถเข้าใจความจริงของสิ่งที่มีจริงๆ ได้เลย ตรงกันข้ามกับปัญญาหรือวิชชา เพราะฉะนั้นสำหรับโมหะ ความไม่รู้ มีอีกคำหนึ่งคือ อวิชชา และสำหรับธรรมที่ตรงกันข้ามที่สามารถรู้และเข้าใจความจริงได้คือ วิชชา เพราะฉะนั้นเพียงเท่านี้ พอจะเห็นได้ไหมว่า คนพูดมาก พูดอะไร เพ้อหรือเปล่า?
แต่ถ้ากล่าวธรรมมาก แล้วมีประโยชน์ เพ้อหรือเปล่า (ไม่เพ้อ) ตรงกันข้ามแล้ว แม้แต่คำว่าเพ้อ ก็ต้องเข้าใจให้ถูกต้อง สิ่งที่ไร้สาระไม่เป็นประโยชน์เลย เพราะฉะนั้น เวลาเพ้อเรื่องอื่นมาหมดแล้ว ตอนนี้ มาศึกษาธรรม เปลี่ยนเรื่องเพ้อแล้ว แต่ยังเพ้อได้เมื่อไม่ได้เข้าใจสิ่งที่พูด แต่ว่าก็พูดได้หมด มีผู้ศึกษาธรรมอย่างเป็นตำราเช่น พระอภิธัมมัตถสังคหะ ๙ ปริจเฉท หรือที่พม่าเองทราบว่า ท่องพระไตรปิฎกได้ น่าแปลกไหม ท่องได้ เราท่องได้ไหม (ไม่ได้) ไม่ได้ก็ไม่ต้องท่อง เข้าใจดีกว่า ท่องทำไมถ้าไม่เข้าใจ ใครก็ตามที่ไม่ได้เข้าใจ พูดไป เพ้อหรือเปล่า? เพราะฉะนั้น เมื่อเข้าใจแล้ว ก็คงรู้ว่า วันหนึ่งๆ เพ้อธรรมหรือเข้าใจคำที่พูด?"
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอเชิญอ่านตอนต่อไป...
ช่วงประทับใจ (๑) ...สนทนาธรรมที่โรงแรมอิมพีเรียล แม่ปิง เชียงใหม่ _ มกราคม ๒๕๕๘
ช่วงประทับใจ (๒) ...สนทนาธรรมที่โรงแรมอิมพีเรียล แม่ปิง เชียงใหม่ _ มกราคม ๒๕๕๘
ช่วงประทับใจ (๓) ...สนทนาธรรมที่โรงแรมอิมพีเรียล แม่ปิง เชียงใหม่ _ มกราคม ๒๕๕๘
ช่วงประทับใจ (๔) ...สนทนาธรรมที่โรงแรมอิมพีเรียลแม่ปิง เชียงใหม่ _ มกราคม ๒๕๕๘
ช่วงประทับใจ (๕) ...สนทนาธรรมที่โรงแรมอิมพีเรียล แม่ปิง เชียงใหม่ _ มกราคม ๒๕๕๘
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญกับทุกๆ ท่านค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลศรัทธาของทุกๆ ท่านค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ขอกราบอนุโมทนาในกุศลวิริยะ ของอ. คำปั่น อักษรวิลัย เป็นอย่างยิ่งค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
สาธุ อนุโมทนา และขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลของทุกท่านค่ะ
กราบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพอย่างยิ่ง
กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาในกุศลวิริยะของอาจารย์คำปั่น อักษรวิลัย ครับ.
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลของทุกๆ ท่านค่ะ
ขอบคุณคะและขออนุโมทนาคะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
อนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนา
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ