ผมเคยได้รับการสั่งสอนจาก พระ และผู้ใหญ่บางฅน ทั้งจากการฟังและการอ่าน ในทำนองที่ว่าการศึกษาพระอภิธรรม หรือพระไตรปิฎกนั้น จะได้แต่สัญญาความจำ เอาไว้โต้แย้ง ได้แต่ความปราดเปรื่อง มีความสำคัญตน แต่จะไม่ได้การละวางกิเลส ไม่เหมือนการปฏิบัติ หรือการทิ้งความรู้ที่มีมา ไม่ให้ยึดหรือเอากับปัญญา แต่ผมก็ไม่ได้โต้แย้งแต่ประการใด เพราะได้เห็นแล้วว่า ปัญญาเป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่ง ซึ่งมีความลึกซึ้งหลายระดับ เป็นอนัตตา ดังนั้น ที่มีคนมาบอกว่าให้ทิ้งปัญญาเสีย แสดงว่าเขาไม่ทราบว่าปัญญาเป็นอนัตตาอยู่แล้ว เขายังยึดติดในสภาพบางสิ่งที่มีตัวตนที่สามารถทิ้งหรือจัดการตัวปัญญาได้ ผมจึงไม่โต้แย้งอะไร และเชื่อว่าถ้าศึกษาพระรรมจากพระไตรปิฎกให้ถูกต้องจะไม่เป็นแบบนี้แน่นอน ท่านใดที่มีความเห็นเรื่องการศึกษาพระธรรมและมีแง่คิดดีๆ หรือเห็นว่าผมยังมีความเห็นผิดในบางเรื่องสามารถแนะนำได้ครับ
พระไตรปิฎก คือ คำตอบสุดท้าย ไม่ผิด ถ้าเห็นใครกล่าวผิดต้องโต้แย้งให้ปรากฏ ผมถือว่าเป็นการจรรโลงพุทธศาสนา แม้เขาจะกล่าวโดยความเข้าใจ แต่พระธรรมจำแนกไว้ดีแล้ว กำหนดไว้ เรียกชื่อไว้ เช่น อารมณ์กระทบปสาท ปัญจทวารวัชชนจิต รำพึงก่อน แล้วภวังคจลนจึงไหว ภวังคุปัจเฉทจึงออกจากภวังค์ จิตวิญญาณจึงรู้อารมณ์ เป็นต้น
ขอนอบน้อมแด่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ปัญญาก็ต้องมีเหตุเกิดครับ ซึ่งปัญญาต้องเกิดเป็นไปตามลำดับคือ สุตมยปัญญา
ปัญญาที่เกิดจากการฟัง จินตามยปัญญา ปัญญาที่เกิดจากการคิดพิจารณา ภาวนา-
มยปัญญา ปัญญาที่เกิดจากรู้ความเป็นจริงของสภาพธรรม
สุตมยปัญญญาา ปัญญาที่เกิดจากการฟัง ฟังอะไรก็คือการฟังพระธรรมคำสั่งสอน
ของพระพุทธเจ้า (พระไตรปิฎก) หากไม่ฟังคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ก็ไม่สามารถเข้าใจและนำไปสู่การปฏิบัติที่ถูกต้องได้ เพราะเราเป็นสาวก สาวกหมายถึงผู้ฟัง ผู้ที่-
ไม่ต้องฟังคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแล้วบรรลุได้นั้นคือ พระพุทธเจ้าและพระปัจเจก-
พุทธเจ้าครับ ดังนั้นปัญญาจึงต้องเริ่มจากสุตมยปัญญา จึงจะนำไปสู่จินตามยปัญญา
และภาวนามยปัญญา (ปฏิบัติ) ได้ครับ
แต่ที่สำคัญการศึกษาพระไตรปิฎกที่ถูกต้องไม่ว่าเป็นพระวินัย พระสูตร พระอภิธรรม
จุดประสงค์ก็เพื่อขัดเกลากิเลส เป็นไปเพื่อละและเข้าใจความจริงของสภาพธรรมที่ใน
ขณะนี้ครับ นี่จึงเป็นการศึกษาพระไตรปิฎกที่ถูกต้องครับเพราะย่อมนำไปสู่การปฏิบัติที่ถูกต้องคือรู้ความจริงในขณะนี้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ขออนุโมทนาครับ เชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่ครับ
การอบรมเจริญปัญญาขาดปริยัติไม่ได้ ไม่ใช่จะไปปฏิบัติเลย
ปัญญาต้องมาจากปริยัติธรรมปริยัติกับการปฏิบัติธรรม ไปด้วยกันได้หรือไม่ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ต้องตรงกันการศึกษาปริยัติและการปฏิบัติอุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
สาธุ
ปริยัติ ปฎิบัติ ปฏิเวธ ต้องตรงกัน แยกจากกันไม่ได้เลย
ขออนุโมทนาค่ะ.....
สาวกคือผู้ฟัง ...
เมื่อไม่ใม่ใช่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่พระปัจเจกพุทธเจ้า ก็ควรฟังพระธรรม
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านครับ
พระวินัย พระสูตร พระอภิธรรม ทั้ง 3 ปิฏกต้องสอดคล้องกัน คือแสดงความจริงเพื่อ
ให้เข้าถึงสภาพธรรมที่ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหมดค่ะ
การตีความโดยการไม่ศึกษาพระธรรมโดยละเอียดจึงเป็นสิ่งที่ไม่สมควรกระทำ เพราะเป็นการทำลายพระศาสนาทางหนึ่งครับ
กระทู้นี้ตั้งประเด็นได้ดี และเป็นประโยชน์มากครับ ...ขออนุโมทนาครับ...
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ