จากประเด็นที่ท่านผู้หนึ่งได้เรียนถามว่า การกระทำบางอย่างแม้ไม่ได้เจตนาแต่ก็สร้างความเสียหายมากมาย เช่น การเมาแล้วขับรถชนคนโดยไม่มีเจตนา ซึ่งถ้านำมาวิเคราะห์ว่าบาปไหม ท่านอาจารย์ก็ตอบว่าไม่บาป ไม่เป็นกรรมเพราะไม่ครบองค์ของปาณาติบาต คือ ไม่ได้มีจิตที่คิดจะฆ่าเขา หรือชนเขาในขณะนั้น ดังนั้นก็ไม่มีกรรม แต่ผมอยากเรียนถามว่า ถ้าหากไม่มีกรรมแล้ว เหตุใดผู้ที่ชนจึงต้องไปรับผลของกรรมอยู่ในคุก บางคนก็รับโทษร้ายแรงเหลือเกิน จึงอยากให้ท่านอาจารย์ช่วยให้ความกระจ่างว่า ที่ต้องไปรับผลของกรรมนั้นจะเป็นเพราะกรรมในปัจจุบันที่ไปขับรถชนคนตาย หรือ จะเป็นเพราะกรรมในอดีตที่สืบเนื่องมาจากชาติก่อนๆ กราบท่านอาจารย์ช่วยอธิบายให้ความกระจ่างด้วยครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
การได้รับสิ่งที่ดี และ สิ่งที่ไมดี ที่เป็นผลของกรรมนั้น ต้องเป็นไปในขณะที่เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้กระทบสัมผัส เห็นสิ่งที่ดี ก็เพราะกรรมดีให้ผล เป็นผลของกรรมดี เห็นสิ่งที่ไม่ดีก็เป็นผลของกรรมไม่ดี เพราะอกุศลกรรมให้ผล ซึ่งผลของกรรม ไม่ใช่ ขณะที่คิดนึก ทุกข์ใจ เพราะขณะนั้นเป็นอกุศลจิต เพราะฉะนั้น สัตว์โลก็เป็นไปตามกรรม ซึ่งไม่ได้เกิดมาเพียงชาตินี้ เกิดมาแล้วนับชาติไม่ถ้วน และทำกรรมดีและไม่ดีนับชาติไม่ถ้วน เพราะฉะนั้น ชาตินี้ปัจจุบัน จะเป็นคนดี หรือ ไม่ดีก็ตาม แต่ขณะที่ได้รับสิ่งที่ดี ในปัจจุบัน ก็เพราะกรรมที่ดี ให้ผล ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นกรรมไหนและชาติไหน เป็นกรรมในอดีตที่ให้ผลก็ได้ ส่วนผู้ที่ทำกรรมชั่วในปัจจุบัน ได้รับผลดีก็ได้ แต่ไม่ใช่เพราะกรรมชั่วนั้น แต่เป็นกรรมดีในอดีตที่ให้ผลอยู่ก็ได้ เพราะฉะนั้น การทำความเข้าใจคือ กรรมดี หรือ ไม่ดี มีกาลเวลาของการให้ผล กรรม นั้น มีกาลเวลาในการให้ผล ไม่ใช่ว่า ทำกรรมนั้นจะให้ผลทันที
เปรียบเหมือน การปลูกมะม่วง เพียงเพาะเมล็ดลงดิน รดน้ำทุกวัน 1 เดือน ไม่ใช่ว่าผลมะม่วงจะออกมา 1 เดือน แต่มีกาลเวลา คือ 3 ปี แม้จะอยาก หรือ พยายามเท่าไหร่รดน้ำให้มากเท่าจำนวน 3 ปี ผลมะม่วงก็ไม่มีทางออกในระยะเวลา 1 เดือนได้เลยครับ กรรมชั่วที่ทำ แต่กรรมชั่วนั้น ยังไม่ให้ผล แต่ที่เราเห็นว่า คนที่ทำบาป กลับได้รับสิ่งที่ดีๆ ก็เพราะว่า กรรมดีในอดีตชาติมาให้ผลในขณะต่อจากนั้นได้ครับ ซึ่งเราก็จะไม่ปนกันว่า กรรมชั่วจะให้ผลดี หรือ กรรมดีจะให้ผลไม่ดีไม่ได้เลย เหตุต้องตรงกับผล คือ กรรมดี ให้ผลที่ดี กรรมชั่วให้ผลที่ชั่วครับ แต่ต้องมีระยะกาลเวลาของกรรม ครับ
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หน้าที่ 21
" แม้คนผู้ทำบาป ย่อมเห็นบาปว่าดี ตลอดกาลที่บาปยังไม่เผล็ดผล, แต่เมื่อใด บาปเผล็ดผล, เมื่อนั้น เขาย่อมเห็นบาปว่าชั่ว, ฝ่ายคนทำกรรมดี ย่อมเห็นกรรมดีว่าชั่ว ตลอดกาลที่กรรมดียังไม่เผล็ดผล แต่เมื่อใด กรรมดีเผล็ดผล เมื่อนั้น เขาย่อมเห็นกรรมดีว่าดี."
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒-หน้าที่ 236
" ก็กรรมชั่วอันบุคคลทำแล้ว ยังไม่ให้ผล เหมือนน้ำนมที่รีดในขณะนั้น ยังไม่แปรไปฉะนั้น, บาปกรรม ย่อมตามเผาคนพาล เหมือนไฟอันเถ้ากลบไว้ฉะนั้น."
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
ดังนั้น สัจจะไม่เปลี่ยนแปลง กรรมยุติธรรมเสมอ กทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว แต่ตามกาลเวลาโอกาสของกรรม ครับ
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 168
คนหว่านพืชเช่นใด ย่อมได้ผลเช่นนั้น คนทำเหตุดี ย่อมได้ผลดี ส่วนคนทำเหตุชั่ว ย่อมได้ผลชั่ว.
ซึ่งก็ตรงกับคำว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วครับ ซึ่งในอรรถกถา อธิบายไว้ว่าพืชสะเดาหรือ พืชประเภทบวบขม ย่อมมีแต่รสขม ไม่ให้ผลเป็นรสหวาน ฉันใดกรรมชั่วที่ทำก็ย่อมให้ผลในทางที่ไม่ดี ไม่ให้ผลในทางที่ดี... พืชอ้อย พืชสาลีย่อมให้รสหวาน ไม่ให้ผลเป็นรสขม ฉันใด แม้กรรมดีที่ทำย่อมให้ผลในทางที่ดี ไม่ให้ผลชั่วครับ ทำดีจึงได้ดี ทำชั่วจึงได้ชั่ว คือได้รับผลวิบากที่ดีหรือชั่วตามแต่ประเภทของกรรมที่ทำครับ
ดังนั้น การที่ชนสัตว์ตายไม่มีเจตนาฆ่า ไม่เป็นอกุศลกรรม แต่กรรมอื่นที่เคยทำบาปในอดีตชาติให้ผลก็ได้ ทำให้เห็นไม่ดี ได้ยินไม่ดี กระทบสัมผัสไม่ดี อันสมมติว่าอยู่ในคุก ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ไม่มีเจตนา ย่อมไม่เป็นบาป บาปไม่มีแก่ผู้ไม่ได้ทำ, แต่ก็ต้องพิจารณาว่า ตราบใดที่ยังไม่ได้อบรมเจริญปัญญาจนถึงความเป็นพระอรหันต์ ก็ยังไม่พ้นไปจากการกระทำกรรม และการได้รับผลของกรรม ถึงแม้จะได้บรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว แต่ถ้ายังไม่ดับขันธปรินิพพาน กรรมในอดีตก็ยังมีโอกาสให้ผลได้ จนกว่าจะถึงกาลที่ปรินิพพาน เมื่อดับขันธปรินิพพานแล้ว ไม่มีการเกิดอีกในสังสารวัฏฏ์ ไม่ต้องมีการกระทำกรรมและการได้รับผลของกรรมอีกต่อไป ดังนั้น ถ้ายังมีการเวียนว่ายตายเกิดอยู่ย่อมไม่พ้นจากการกระทำกรรม ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง ตามการสะสมของแต่ละบุคคล และไม่พ้นไปจากการได้รับผลของกรรมในชีวิตประจำวันในขณะที่เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสทางกาย ที่น่าปรารถนาบ้าง ไม่น่าปรารถนา ตามสมควรแก่กรรมที่ได้กระทำแล้วในอดีต เหตุย่อมสมควรแก่ผล ผลที่เกิดขึ้นย่อมมาจากเหตุ
ผู้ทำกรรมดี ย่อมได้รับผลดี ผู้ทำกรรมชั่ว ย่อมได้รับผลชั่ว ตามสมควร เรื่องกรรม เป็นเรื่องที่ละเอียด กรรมในอดีตชาติที่ผ่านๆ มาแต่ละบุคคลก็ได้กระทำมาอย่างมากมายมีทั้งดีและไม่ดี กรรมดี กับ กรรมชั่ว เป็นคนละส่วนกัน
ข้อที่น่าพิจารณา คือ บุคคลผู้ที่ทำกรรมชั่ว คือ ทำทุจริตกรรม กรรมชั่วยังไม่ให้ผล แต่เขายังมีความสุข มีทรัพย์สินเงินทอง มียศถาบรรดาศักดิ์ เป็นต้น นั่นเป็นเพราะกรรมดีที่เขาเคยได้กระทำมาแล้ว ให้ผล เมื่อกรรมชั่วให้ผลเมื่อไหร่ เมื่อนั้นเขาย่อมจะรู้ได้ว่า ทำกรรมชั่ว ได้รับผลชั่วจริงๆ , ในทางตรงกันข้าม ผู้ที่ทำกรรมดี คือ ทำสุจริตกรรม กรรมดียังไม่ให้ผล เขาจึงประสบกับความทุกข์ยาก ได้รับความเดือดร้อนประการต่างๆ ที่เป็นเช่นนั้น ก็เพราะกรรมชั่วที่เขาเคยได้กระทำมาแล้ว ถึงคราวที่จะให้ผล แต่เมื่อกรรมดีให้ผลเมื่อไหร่ เมื่อนั้นเขาย่อมจะรู้ได้ว่า ทำกรรมดี ได้รับผลดีจริงๆ
การกระทำกรรมดี และ กรรมชั่ว นั้น เป็นการสร้างเหตุใหม่ เมื่อกรรมถึงคราวที่จะให้ผล ผลก็ย่อมเกิดขึ้น ถ้าเป็นผลของกรรมดี ย่อมทำให้ได้รับในสิ่งที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ถ้าเป็นผลของกรรมชั่ว ย่อมทำให้ได้รับในสิ่งที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่าใคร่ ไม่น่าพอใจ ดังนั้น เมื่อจะสะสมกรรมที่จะให้ผลในภายหน้า ก็ควรสะสมแต่กรรมที่ดีงาม เพราะกรรมดี เท่านั้น ที่จะเป็นที่พึ่งได้ ส่วนกรรมชั่ว พึ่งไม่ได้เลยทีเดียว ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
กราบขอบพระคุณ และ ขออนุโมทนาครับ
สาธุๆ ๆ อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ
ในอดีตเราก็ทำทั้งกรรมดีและกรรมไม่ดี ถึงไม่มีเจตนาฆ่าแต่เราก็มีกรรมอื่นๆ มาให้ผลได้ทุกขณะ เช่น ขณะที่เห็นดีเป็นกุศลวิบาก เห็นไม่ดีก็เป็นอกุศลวิบากค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณค่ะ ที่ช่วยชี้ทางกระจ่าง ในอดีตเคยขับรถชนสุนัขตายโดยไม่เจตนา ทำให้รู้สึกผิดมาตลอด สาธุค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ