สนทนาปัญหาสารพัน : อดีตแม่ชีวิปัสสนาจารย์เผยวิกฤตการณ์ชาวพุทธ
อดีตแม่ชีแอ๋ว คุณธวัลรัตน์ อุดมรัชเสฏฐ์ อดีตแม่ชีวิปัสสนาจารย์ ผู้ทิ้งความเป็นแม่ชีที่มีลูกศิษย์ลูกหา มีผู้เคารพนับถือมากมายตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมา จู่ๆ วันหนึ่งได้ตัดสินใจออกจากความเป็นแม่ชี จนลูกศิษย์ลูกหาถึงกับช็อคเมื่อได้ทราบข่าว ซึ่งท่านกรุณามาสนทนาถ่ายทอดประสบการณ์เรื่องราวต่างๆ ในวงการของแม่ชีกับวัดและพระภิกษุ ที่ท่านได้พบได้เห็นมาตลอดระยะเวลา ๒๐ ปีอย่างหมดเปลือก กับท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ประธานกรรมการมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา ในรายการสนทนาปัญหาสารพัน ซึ่งจะทำให้ผู้ชมผู้ฟัง ได้เห็นและตระหนักถึงวิกฤตการณ์จริงๆ ของชาวพุทธและพระพุทธศาสนาในปัจจุบัน ซึ่งน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ไม่ควรที่จะพลาดชมและฟังโดยประการทั้งปวง กรุณาคลิกตามลิงค์ด้านล่าง เพื่อติดตามชมรายการดังกล่าว
ข้อความบางตอนจากการสนทนา :
ผศ.อรรณพ ทำไมพี่แอ๋วถึงคิดไปบวชเป็นแม่ชี
คุณธวัลรัตน์ ตัวเองไม่ได้มีอัธยาศัยในการบวช ไม่เคยคิดที่จะบวชเป็นแม่ชี เพราะว่าตั้งแต่เรียนจบมาก็ทำงาน แล้วก็เป็นนักธุรกิจส่วนตัวด้วย เมื่อขับรถออกไปทำงานก็จะเห็นแม่ชียืนตรงปากซอยทองหล่อ ถือบาตรยืนบิณฑบาตแล้วก็สะพายย่าม แต่งตัวไม่เรียบร้อย หน้าที่ของเขาคืออะไร? (คลิกอ่าน...แม่ชีคือใคร?) ทำไมจะต้องมาเรี่ยไรซองหรือรับซองอะไรทำนองนี้ ก็เห็นว่าเป็นภาพพจน์ที่ไม่ดี แล้วตัวเองก็อยากจะรู้ว่า การเป็นแม่ชี เข้าไปอยู่ในวัดเพื่ออะไร? แต่ตรงนั้นเป็นวิกฤตในชีวิตของตัวเอง ซึ่งจะต้องเข้าไปอยู่ในวัด โดยเป็นคำสั่งของพระผู้ใหญ่รูปหนึ่ง นี่คือจุดเริ่มต้น
ผศ.อรรณพ จุดเริ่มต้นคือ จริงๆ ไม่มีอัธยาศัยที่จะไปเป็นแม่ชี กลับมองว่าแม่ชีที่ไปยืนเรี่ยไรเงินทอง ไม่น่าเลื่อมใสศรัทธาอะไร แต่ด้วยความเป็นไปที่มีพระภิกษุท่านบอกให้ไป แล้วทำไมถึงเชื่อ
คุณธวัลรัตน์ ก็ยึดมั่นในครูบาอาจารย์ เพราะว่าท่านเป็นพระผู้ใหญ่ที่เคยศรัทธามาตั้งแต่ทำงาน เลื่อมใสพระรูปนี้มานาน ตัวเองไม่เคยที่จะเข้าสำนักปฏิบัติธรรมเลย ไม่เคยเข้าวัดไปถือศีล แค่ไปทำบุญ เป็นเจ้าภาพกฐิน ไปทำสังฆทาน พื้นๆ ค่ะ แต่ไม่มีอัธยาศัยในการศึกษาพระธรรมด้วย เชื่อมั่นในตัวเอง
ผศ.อรรณพ อยากให้พี่แอ๋วเล่าว่า หลังจากที่ไปเป็นแม่ชีแล้ว เล่าชีวิตที่ผ่านมาก่อน
คุณธวัลรัตน์ ในรั้ววัดที่ผ่านมา เมื่อได้เข้าไปตามคำสั่งของพระผู้ใหญ่แล้ว ตั้งใจจะบวชเดือนเดียว แล้วก็ออกมาใช้ชีวิตทำงาน อยู่มาวันหนึ่ง ได้ไปบวชอยู่ที่วัดในจังหวัดอยุธยา ก็บวชเลย เขาก็นิมนต์พระให้ แล้วบวชทุกอย่างตามนั้น อยู่ที่นั่นมา ๑๔ ปี ในขณะที่หนึ่งเดือน ย้อนกลับไปอีกนิดหนึ่ง ว่าหนึ่งเดือนนี่ เราควรที่จะกลับได้แล้ว แต่หัวหน้าบอกว่า ให้เข้าไปศึกษาพระธรรม นักธรรมตรี โท เอก ก่อน อย่างน้อยยังมีวุฒิออกมา ถือว่าได้เป็นแม่ชี เมื่อเสร็จตรงนั้นแล้ว ท่านก็บอกว่าอย่าสึกเลย ยาวไปเลย ก็มาศึกษาพระบาลี ตอนแรกตัวดิฉันอยากจะเรียนพระอภิธรรม แต่โดนบอกว่าไม่ให้เรียน เพราะการเรียนพระอภิธรรม คนบ้าเท่านั้นที่จะเรียน ก็เลยฉีกแนวไปเลย เขาให้ไปเรียนบาลีประโยคหนึ่ง สอง สาม สี่ห้า ไปถึงเก้า เพื่อเป็นชื่อเสียงให้วัด ว่าสำนักฉัน มีแม่ชีเป็นมหาเปรียญ เท่านั้นเอง อย่างน้อยแม่ชีก็ยังมีวุฒิทางธรรม เขาให้ไปเรียน
ผศ.อรรณพ ตอนนั้นพี่แอ๋วอยากได้วุฒิทางธรรม? อยากไหม?
คุณธวัลรัตน์ ตอนนั้นคิดว่าตัวเองเป็นนักบวชเต็มที่เลย มีตัวตนเต็มที่เลย สอบได้ ชอบมากเลย ทุกอย่าง จากเคยอยู่ทางโลก เขายื่นให้ ก็ไม่เคยรู้ว่ามันเป็นอย่างไร ในเมื่อ เราศึกษาเพื่อเรียน เพื่อสอบ เพื่อชื่อเสียง มีหน้าที่แค่นั้นเอง
ผศ.อรรณพ แล้วพี่แอ๋วสำเร็จการเรียนแล้วได้รับประกาศนียบัตรอะไรมาบ้าง
คุณธวัลรัตน์ ตอนที่เรียน มันอาจจะมีการลำเอียงเล็กน้อย ว่าวัดจะต้องออกค่าใช้จ่ายในการเรียนให้ มีรถรับส่งให้ แต่ตัวเองเรียนด้วยเงินของตัวเองมาตลอด ไม่เคยพึ่งวัด เมื่อศึกษาไป ประโยคหนึ่ง สอง ก็ได้ใบประกาศ แล้วเขาก็จัดงานให้ แล้วเขาก็มีซองให้ แล้วประโยคสาม ก็รับพัดประโยคสาม ที่นี้ ตอนเรียน กะว่าประโยคหนึ่งสองเสร็จแล้ว พอประโยคสาม ตัวดิฉันอยากได้พัดสวย มีพัดประจำตำแหน่ง พอเวลาเราตาย ก็บอกกับลูกว่า นี่คือเกียรติคุณของคุณแม่ เอาไปตั้งไว้ที่หน้าศพ คิดอย่างนั้น วาดฝันว่าตัวเองเป็นนักบวชเต็มที่ เอาพัดมหาไปตั้ง แต่ในขณะเดียวกัน ตอนที่ได้ใบประกาศประโยคสาม มาดูใบประกาศว่าทำไมเราไม่ "มหา" นำหน้า ทำไมเป็น "อุบาสิกา" (คลิกอ่าน...อุบาสิกา)
ผศ.อรรณพ อยากเป็นมหา
คุณธวัลรัตน์ อยากเป็น
ผศ.อรรณพ อยากเป็นมหาอุบาสิกา
คุณธวัลรัตน์ ใช่ค่ะ
ผศ.อรรณพ เขาวัดกันที่อะไร อุบาสิกากับมหาอุบาสิกา
คุณธวัลรัตน์ ก็เป็นนักบวชไงคะ ไม่มีใครสอนว่า "แม่ชีไม่ใช่นักบวช" ไม่เคยรู้เลย ก็จะมีตัวตนตลอดเลยว่า สอบได้ ปีหน้าเรียนใหม่ สอบใหม่ ต้องการไปเรื่อยๆ ให้ถึงประโยคเก้า เมื่อไปถึงประโยคเก้า มันจะต้องมีการเทียบวุฒิปริญญาตรีทางธรรม พอได้เข้าไปศึกษาตรงนั้นเสร็จ ถึงเวลาสอบเสร็จ ตัวดิฉันเองก็จะมีเป้ ย่าม สะพายกลด ออกไปธุดงค์ เขาใช้คำว่าธุดงค์ ไปต่างจังหวัด (คลิกอ่าน...การรักษาธุดงค์และสมณธรรม ของบรรพชิตและคฤหัสถ์ [สัมพหุลภิกขุสูตร])
ผศ.อรรณพ ธุดงค์นี่พี่แอ๋วไปเองหรือว่าทางสำนักเขาให้ไป
คุณธวัลรัตน์ ไปเอง อยากจะไปปฏิบัติธรรมตรงไหน ไปเลย ตามใจที่อยากไป แต่จะไม่ทราบว่ากิเลสหรือโลภะมันเกิดขึ้น ตอนนั้นไม่ทราบเลย (ไปหา) ครูบาอาจารย์ (ที่) สกลนคร (ก็) ไป แล้วนั่งรถทัวร์ไป นั่งเครื่องไปไหม ไม่นั่งเครื่อง ไปคนเดียวโดยที่ไม่กลัวตายเลยว่ารถทัวร์กลางคืนมันจะเป็นอย่างไร ภาคอีสาน พอไปถึงปุ๊บก็เริ่มต้นปฏิบัติเลย
อ.ณภัทร ที่ว่าไปธุดงค์ นั่งรถทัวร์ ลงจากรถทัวร์แล้วอย่างไรครับ เดินไปไหนโดยไม่มีจุดหมายหรืออย่างไรครับ
คุณธวัลรัตน์ ไม่ค่ะ มีญาติธรรมที่วัดมารับ ก็ไปอยู่ในวัดนั้น แล้วก็ขอท่านอาจารย์ที่วัดคือเจ้าอาวาส ขอปฏิบัติธรรม ตรงนั้นวัดป่า เขาจะไม่มาสอนว่าธรรมะคืออะไร แต่เราเคยเป็นคนที่ชอบปฏิบัติ ก็ทำเองเลย โดยไม่มีพื้น
ผศ.อรรณพ ทำเอง ทำอย่างไรครับ?
คุณธวัลรัตน์ ก็กำหนดลมหายใจเข้าออก
ผศ.อรรณพ จากที่เคยได้ยินได้ฟังมา ที่โน่นที่นี่
คุณธวัลรัตน์ ใช่ค่ะ จากตำรับตำราที่เราซื้อมาเป็นตู้ๆ ศึกษาเอง ว่า สมถกรรมฐานคืออะไร วิปัสสนากรรมฐานคืออะไร (คลิกอ่าน...สมถะ และ วิปัสสนา เหมือนหรือต่างกันอย่างไรคะ) แล้วก็เดินเองเลย เดินจงกรม นั่งสมาธิ เดินหนึ่งชั่วโมง นั่งหนึ่งชั่วโมง แล้วก็กำหนดลมหายใจมันก็อาจจะมีนิมิตรเกิดขึ้น ตัวลอยเกิดขึ้น มดกัดเกิดขึ้น เห็นตัวเองในสภาพสังขาร ซึ่งเราไม่รู้ว่า ทำไมขึ้นอืด พอง ทำไมตัวเองต้องออกมายืน มันเป็นอะไรทุกอย่างให้เราเห็นหมดเลย ว่าบรรลุแล้ว (คลิกอ่าน...นิมิตคืออะไร , ...นิมิต...คลิกชมและฟัง...นิมิต คืออะไร)
ผศ.อรรณพ ณ ตอนนั้นคิดว่าบรรลุแล้ว? บรรลุเป็นอะไรครับพี่
คุณธวัลรัตน์ บรรลุแล้ว บรรลุก็คือ นิพพาน คิดว่าใช่ ทำไมเราถอดจิตได้
ผศ.อรรณพ ถอดจิตคืออะไร?
คุณธวัลรัตน์ ถอดจิตก็คือ เรานั่งไป แล้วตัวเองก็ลอยออกมายืนดูตัวสังขาร ว่าเราตายแล้ว เราถูกไหม้ ตัวพอง ท้องแตก
ผศ.อรรณพ คิดไป
คุณธวัลรัตน์ มันให้เห็นเลย มันให้เห็นในมโนของเรา
ผศ.อรรณพ ก็เลยคิดว่า อันนี้แหละ
คุณธวัลรัตน์ ใช่เลย ก็คิดว่า เราผ่านแล้ว ดีใจ เป็นตัวหนึ่งละ เสร็จแล้วตรงนั้น ผ่านไปปีแล้วปีเล่า จนมาเข้าอบรมวิปัสสนาจารย์ เรามีพื้นแล้วนะ แล้วได้การบอกกล่าวจากแม่ชีอีกท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นแม่ชีที่อยู่ทางภาคเหนือ มาบอกว่า พี่แอ๋ว ไปอบรมวิปัสสนาจารย์ไหม เพราะว่าพี่ก็ออกไปปฏิบัติมาเยอะแล้ว ลองดู มันจะได้มีวุฒิ มีใบประกาศ เราสามารถที่จะไปอยู่ตามสำนักต่างๆ ได้ เพราะตามสำนักเขาจำเป็นต้องใช้วุฒิ ว่าเราผ่านประสบการณ์มาแล้ว ยิ่งจบบาลีด้วย ยิ่งเรียนอภิธรรมด้วย แล้วนักธรรมตรี โท เอก มันครบสูตร นั่นคือตัวอย่างของสำนักต่างๆ ก็ไป เอ๊ะ แล้วเราจะได้อะไร ก็ไปเถอะ ไปเรียนให้มันจบ ก็อยู่ตรงนั้นไปเจ็ดเดือน
ผศ.อรรณพ เจ็ดเดือนที่จะไปเป็นวิปัสสนาจารย์ แล้วเขาทำอะไรบ้างครับ เจ็ดเดือน จึงจะสำเร็จ ที่ใช้ชื่อว่า "วิปัสสนาจารย์"
คุณธวัลรัตน์ ตรงนั้น ตอนเช้า เขาจะพาสวดมนต์ ทำวัตร หลังจากที่ทำวัตรเสร็จแล้ว ต่างคนต่างไปปฏิบัติเอง โดยไม่มีการบอกว่า คุณเดินเท่านี้เท่านั้น ใครมีความรู้ คือคนที่จะไปอบรม ต้องผ่านการปฏิบัติของตัวเองมาแล้ว ก็คิดว่า ภูมิเราคงพอแล้ว เราไม่มีการใช้ตัวปัญญาเลย ไม่มีการศึกษาพระธรรมคืออะไร ไม่มี ลงมือแสดงเลย แสดงก็คือ เดินจงกรม นั่งสมาธิ สอบอารมณ์ กับพระที่เป็นวิปัสสนาจารย์สำนักนั้น เราจะต้องไปให้เขาสอบอารมณ์
ผศ.อรรณพ เขาสอบอย่างไรครับ อารมณ์
คุณธวัลรัตน์ เขาสอบเป็นภาษาฝรั่ง แล้วก็จะมีล่ามพูด วันนี้เดินนานแค่ไหน? วันนี้เดินแล้วเกิดสภาวะอะไร แล้ววันนี้เดินเป็นอย่างไร หูได้ยินอะไรไหม ผัสสะที่มันมากระทบมีอะไรไหม นั่นคือสภาวธรรม ก็ตอบเขาไปตามความเป็นจริง ที่ได้
ผศ.อรรณพ ที่ไปคิดๆ นึกๆ อย่างนั้น ในขณะนั้น
คุณธวัลรัตน์ ใช่ค่ะ ในขณะนั้น ตามสภาวธรรมที่เราเป็นเลย แล้วห้ามพูด เวลาเดินไปห้องน้ำ ก็จะมีพระวิปัสสนาจารย์ที่นั่น เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ใหญ่อีกทีหนึ่งเดินตามเรา มือถือก็ไม่ให้ใช้ เข้าห้องน้ำพระก็ไปยืนเฝ้าหน้าห้องน้ำ แล้วก็ห้ามพูดคุยกับผู้ที่มาปฏิบัติธรรม คือห้ามทุกอย่างเลย มันเหมือนโรคจิตอย่างหนึ่ง ในขณะนั้นเราไม่คิดว่าตัวเองเป็นโรคจิต ไม่คิด ก็ปฏิบัติตรงนั้นอย่างนี้ทุกวันๆ
ผศ.อรรณพ พี่แอ๋วครับ ตอนนั้น ทำไมถึงได้อยากเป็นวิปัสสนาจารย์ เพื่ออะไร
คุณธวัลรัตน์ อยากมาก เพื่อชื่อเสียง ไหนๆ เราบวชแล้ว เอาเสียหน่อย เอาเสียหน่อย ไหนๆ บวชแล้ว
ผศ.อรรณพ แล้วถ้าเป็นวิปัสสนาจารย์แล้วจะได้อะไร
คุณธวัลรัตน์ ตอนที่ได้เป็นวิปัสสนาจารย์นี่ หนึ่ง ชื่อเสียง ตัวตน ลาภสักการะ มีคนนอบน้อม มีคนกราบไหว้ แล้วก็ ขออะไรก็ได้ อย่างสมมติว่าอาจารย์เป็นลูกศิษย์ของดิฉัน เมื่อปฏิบัติไปแล้วก็จะถามว่า แม่ขาดโน่นนะ แม่ขาดนี่นะ ช่วยได้ไหม? มันจะได้อยู่ในสำนัก ขาดถังน้ำ ขาดแทงค์น้ำ ขาดปั๊ม โน่นนี่นั่น บอกเลย เสร็จแล้วลูกศิษย์ศรัทธา ให้เลย อยากได้อะไร
ผศ.อรรณพ บอกลูกศิย์ลูกหา ให้ทุกอย่าง ขึ้นไหม? ลูกศิษย์ขึ้นไหม?
คุณธวัลรัตน์ โอ้โฮ ขึ้นค่ะ ตอนนี้ก็ช็อคกันไปแล้วค่ะ ว่าทำไมถึงทิ้ง!!
ผศ.อรรณพ พี่เล่าให้จบก่อน แล้วเดี๋ยวจะถามตอนช็อค ตอนที่คนช็อค
คุณธวัลรัตน์ พอได้ใบวิปัสสนาจารย์แล้ว ไม่พอ เผอิญในใบนั้นเป็นเกียรติคุณอย่างดีมาก ก็เก็บเอาไว้ เรามีลูกคนเดียว ให้ลูกเป็นที่ระลึก ว่าคุณแม่ผ่านตรงนี้มาแล้ว
ผศ.อรรณพ คิดว่าเป็นเกียรติของวงศ์ตระกูลอย่างมาก
คุณธวัลรัตน์ ใช่ค่ะ เพราว่าแม่ชีท่านอื่น ในจำนวนที่อยู่ที่นั่นสองร้อยยี่สิบ ผ่านแค่ ๕ ตัวตนมีเลย ทันที ไม่ธรรมดา แล้วเขาให้ไปรับใบนี่ เดินสง่าผ่าเผยเลย ไปรับกับพระผู้ใหญ่ตรงนั้น แล้วเขาให้ไปต่อยอดอีก ไปต่อวิปัสสนาเบื้องสูง ก็สงสัยว่า วิปัสสนาเบื้องสูงคืออะไร เราไปต่ออีก เจริญเมตตาอย่างเดียว เขาว่าเจริญเมตตา ทำอย่างไร อยากรู้แล้ว ตัวอยากมาทันทีตรงนั้น คือ ไม่รู้ว่าธรรมะตัวอยากคืออะไร แต่อยากไป ไม่พอใจ ตรงนี้ได้แล้ว ก็จะไปเอาอีกใบหนึ่ง เที่ยวนี้ไปต่างประเทศเลย แต่ปรากฏว่า พอไปเจริญเมตตา สมมติว่า ลูกศิษย์เราป่วย เอาชื่อมา ชื่อนามสกุลมา แล้วเดี๋ยวจะเขียนลงกระดาษ แล้วก็เจริญเมตตาโดยการนั่งปฏิบัติ แผ่กระแสจิตไปที่ผู้ป่วยคนนั้น วันแล้ววันเล่า วันแล้ววันเล่าตรงนี้ เมื่อเขาหาย (คลิกฟัง...การเจริญเมตตา)
ผศ.อรรณพ นั่นคือการเจริญเมตตา
คุณธวัลรัตน์ ถูกต้อง หลงแล้วตอนนี้ ก็เจริญเมตตา ลูกศิษย์ลูกหาบอกว่าหาย หายเสร็จก็..
ผศ.อรรณพ ที่ไม่หายเขาไม่บอก
คุณธวัลรัตน์ เขาก็ไม่บอก เขาก็คงไม่พูด แต่จังหวะดวงของเขามันหาย ตอนแรกไม่รู้ ตัวเองก็โอย ดีใจสิ ดีใจ พอถึงเวลาหน้ากฐิน แจกซอง เป็นเจ้าภาพกฐิน กองโน้น กองนี้ หลงระเริงไปเลย
ผศ.อรรณพ อันนี้คือกฐินกับทางวัด
คุณธวัลรัตน์ ใช่ค่ะ พระก็ให้แม่ชีช่วยหาเงินด้วย จากลูกศิษย์ที่เรามีอยู่ตรงนี้ ก็วางแผนกันว่า กองหนึ่งเท่าไหร่ กองละหมื่น สมมติว่าเราจะต้องการสักแสนหนึ่ง สิบคน ก็บอกไปแค่นั้น แล้วได้ตรงนั้นก็เอาเข้าสำนักไป นั่นคือ ย้อนกลับมาว่าได้เข้าไปที่ต่างประเทศตรงนั้น แล้วได้อบรมวิปัสสนาจารย์หลักสูตรตรงนี้ เท่ห์มากเลย ว่าได้เข้าไปถึงสถาบันตรงนี้แล้ว ทีนี้ก็กลับมา เขาก็เชิญให้ไปอยู่ที่วัดต่างๆ เพื่อให้ไปเป็นวิปัสสนาจารย์ประจำวัด แล้วก็ดึงคนเข้าวัด....ฯลฯ
...ล่าสุด คือ ได้ไปคุมสำนักหนึ่งซึ่งใหญ่ ที่เชียงใหม่ คุณหญิงไปสร้างเอาไว้เยอะมาก ประมาณเกือบสามสิบล้าน กุฏิใหม่เอี่ยมเหมือนบังกะโล แต่ว่าไม่มีคนอยู่ ครูบาอาจารย์ก็ให้ไปคุมสำนักนี้ แล้วก็เป็นวิปัสสนาจารย์ที่นี่....
ท่านอาจารย์ ตอนหนึ่งที่คุณแอ๋วบอกว่าคุณแอ๋วคิดว่าบรรลุแล้ว แล้วทำไมยังต้องไปเรียนอะไรเป็นวิปัสสนาจารย์อีก
คุณธวัลรัตน์ ตอนนั้นคิดว่าต้องการใบ (ประกาศนียบัตร) ค่ะ
ท่านอาจารย์ แต่ที่เข้าใจว่าถึงนิพพานแล้ว บรรลุแล้วตอนนั้น
คุณธวัลรัตน์ มันก็ยังไม่หมดกิเลสที่เรายังอยากได้ใบฯ ค่ะ
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น ก็ "เพียงแต่ได้ยินชื่อ" แล้วก็ "คิดว่าบรรลุ" แต่ยังรู้ว่ามีกิเลสอยู่
คุณธวัลรัตน์ ใช่ค่ะ
ท่านอาจารย์ แล้วต้องไปเรียนอะไรที่จะให้หมดกิเลสล่ะคะ?
คุณธวัลรัตน์ ตอนนั้นไม่รู้เลย ไม่รู้เลย
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น ไม่เข้าใจคำว่า "วิปัสสนาจารย์"
คุณธวัลรัตน์ ไม่เข้าใจค่ะ
ท่านอาจารย์ เพราะจริงๆ แล้ว จะมีไหม? วิปัสสนาจารย์?
คุณธวัลรัตน์ จริงๆ แล้ว เมื่อมาถึงตรงนี้แล้ว คำตอบมันออกมาเอง ชัดแล้วว่า หลอกค่ะ หลอกลวง หลอกลวงโดยสิ้นเชิง.....
ขอเชิญติดตามการสนทนาฉบับเต็มทั้งหมด ได้ที่ลิงค์ด้านล่าง...
- รายการสนทนาปัญหาสารพัน รายการใหม่ของมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา
- สนทนาปัญหาสารพัน : แรงงานพม่า สะท้อนปัญหาชาวพุทธ
- สนทนาปัญหาสารพัน : ๑๐ ปีที่เสียไป เปิดใจอดีตแม่ชี พญ.ธิดา คงจรรักษ์
- แม่ชีคือใคร?
- สนทนาปัญหาสารพัน : เกือบจะหย่า กว่าจะเข้าใจพุทธวจน ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๒
- สนทนาปัญหาสารพัน : รู้ความจริง ทิ้งสิ่งที่ผิด
- อาจารย์สุจินต์ เป็น คริสต์หรือ?
- สนทนาปัญหาสารพัน : ที่พึ่งที่แท้จริง
- สนทนาปัญหาสารพัน : แสงธรรมส่องถึง L.A. [ตอนแรก]
- สนทนาปัญหาสารพัน : เข้าใจโลกธรรม
- สนทนาปัญหาสารพัน : พบพระธรรมเพราะถูกห้าม
ขอกราบอนุโมทนาท่านอาจารย์สุจินต์ คณะวิทยากร
และขอกราบอนุโมทนาคุณแอ๋ว ที่กล้าหาญ และเป็นผู้ตรงอย่างยิ่ง สาธุ
ฟังแล้วก็รำพึงว่าวิกฤติเหลือที่จะกล่าวชาวพุทธ
กราบอนุโมทนากับคุณแอ๋วที่กล้าหาญเพราะความเข้าใจในพระธรรม
กราบแทบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์บริหารวนเขตต์ที่เคารพยิ่ง
กราบอนุโมทนากับคณาจารย์วิทยากรและทีมงานของ มศพ ทุกท่าน