ทุกวันนี้ ยังแสวงหาสถานที่ ที่เราพึงพอใจอยู่ คือ สถานที่ปฏิบัติธรรม ทั้งๆ ที่ฟังอาจารย์สุจินต์ก็เข้าใจน่ะ ว่าอยู่ในชีวิตประจำวัน ก็ถือว่าได้ปฏิบัติธรรมอยู่แล้ว แต่ก็ยังทำไม่ได้ ยังต้องการหาที่สงบ สะดวก สบายอยู่นั้นเอง
ผู้ศึกษาพระธรรมเข้าใจอย่างมั่นคงจริงๆ ย่อมรู้ว่าทุกๆ ขณะในชีวิตเป็นสภาพธรรมทั้งหมด ขณะที่สติปัฏฐานเกิดขึ้นระลึกรู้สภาพธรรม ในขณะนั้นชื่อว่าปฏิบัติธรรม สงบจากอกุศล แต่ความพอใจความต้องการในข้อปฏิบัติและสถานที่สงบก็ยังคงมีเป็นธรรมดา ควรทราบว่าที่สำคัญที่สุดคือความเข้าใจถูก ยังไม่ต้องห่วงเรื่องว่าทำได้หรือไม่ได้
ขอบพระคุณอาจารย์มากค่ะที่ให้ความกระจ่าง และกำลังใจ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
เมื่อเป็นปัญญาเพียงขั้นการฟังและเริ่มต้น ย่อมทำให้ปัญญายังไม่มั่นคงและยังไม่มากอยู่ ที่ผ่านมาในสังสารวัฏฏ์เราสะสมอะไรมามาก ความไม่รู้มากครับ เนื่องจาก การได้เกิดเป็นมนุษย์ก็ยาก พระพุทธเจ้าจะอุบัติก็ยาก และที่สำคัญได้ฟังธรรมในทางที่ถูกก็ยาก การประชุมพร้อมกัน ๓ อย่างนี้ จึงยากมาก ทำให้เราได้ฟังในสิ่งที่ถูกต้องน้อยมากในสังสารวัฏฏ์ และเมื่อเพิ่งเริ่มฟัง เป็นปัญญาขั้นการฟัง ก็ยังไม่สามารถละความไม่รู้ได้จริงๆ เพียงแต่เริ่มเข้าใจถูกต้องเล็กๆ น้อย ที่สำคัญเรื่อง ข้อประพฤติปฏิบัติที่ผิดนั้น (สีลพรตปรามาส) ก็ยังคงมีอยู่ จะดับหมดไม่มีอีกเลย คือ เป็นพระโสดาบัน ดังนั้น เมื่อเป็นปัญญาขั้นการฟัง ก็ต้องล้มลุกแล้วก็ลุกขึ้นใหม่เมื่อฟังเข้าใจ พออำนาจกิเลสเกิดขึ้นก็ล้มลุกอีก (ปฏิบัติผิด) ดังนั้น การอดทนที่จะฟังจนเข้าใจก็จะเป็นปัจจัยให้ปัญญาเพิ่มขึ้น และปัญญานั้นเองจะทำหน้าที่ให้ปฏิบัติถูกขึ้นเมื่อเข้าใจธรรมมากขึ้นนั่นเองครับ
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
คงต้องตอบตัวเองให้ได้นะคะว่า " ทำไม ยังต้องแสวงหา " เพราะไม่มีใคร จะรู้จิตใจของท่านได้ดีเท่ากับตัวท่านเอง ลองพิจารณาสภาพจิตในขณะนั้นดูซิค่ะว่า เพราะเหตุใด?
ต้องอาศํยการฟังธรรมให้มากๆ ฟังจนกว่าจะมีความเห็นถูก และไม่ต้องหาสถานที่ เพราะผู้ที่เจริญสติปัฏฐานอยู่ที่ไหนก็เจริญได้ สถานที่ไม่เป็นอุปสรรค์ค่ะ แต่โลภะ ความติดในสถานที่ต่างหากเป็นเครื่องกั้นสติปัฏฐาน
ฟังธรรมแล้ว ควรตรึกในสิ่งที่ฟัง สดับในสิ่งที่ฟังให้มาก และเป็นผู้ตรง ครับ เพราะเมื่อฟังธรรมจบแล้ว หากกลับย้อนไปฟังซ้ำอีก จะพบความต่างกัน จากเสียงของการบรรยายธรรมที่คิดว่าเข้าใจถ้วนทั่วเพราะฟังจบไปมากมาย ฟังมานาน จริงๆ แล้วผู้ฟังยังสามารถค้นพบได้อีกว่า ตนนั้นยังรู้ไม่จริง เข้าใจไม่พอ ไม่ลึกซึ้ง เข้าใจผิด จำได้บ้าง หรือหลงลืมไปบ้าง อันเป็นเหตุที่ไม่พอต่อการเจริญปัญญาครับ
ทราบอยู่ค่ะ ว่าทำไมต้องแสวงหาเพราะยังมีกิเลส และยังต้องการความสะดวก สบาย อยู่ เพื่อการปฏิบัติธรรม เพราะการปฏิบัติธรรมก็ต้องอาศัยความสัมปายะด้วย ทั้งสถานที่ บุคคล
การปฏิบัติธรรมคืออะไร ทำไมต้องไปแสวงหาที่ด้วย?
ทุกที่ ที่ใจเรา สงบ นั่นคือสถานที่ที่เหมาะแก่การปฎิบัติธรรม
ความสำคัญที่สุด คือ ความเข้าใจถูก (ไม่เห็นผิด) ยังไม่ต้องห่วงเรื่องทำได้หรือไม่ ได้ ... สาธุๆ
ขออนุโมทนาครับ
อนุโมทนาค่ะ
ที่ไหนก็ได้ ที่สติระลึกรู้สภาพธรรมนาม รูป ตามปกติ
ขออนุโมทนา
ยังเอาชนะใจตัวเองไม่ได้จึงยังต้องแสวงหาที่ ทั้งๆ ที่อยู่บ้านก็มีความสุขดี แต่ก็ยังอยากเปลี่ยนที่ไปเรื่อยๆ หาข้ออ้างต่างๆ นาๆ ทั้งๆ ที่ธรรมะก็อยู่ในตัวเราเอง
การแสวงหาที่ประเสริฐที่สุด คือการแสวงหาปัญญาค่ะ
ปัญญาไม่ได้อยู่ที่ไหน แต่อยู่ที่ความเข้าใจในสิ่งที่กำลังปรากฎ
ถ้าเข้าใจจะไม่ทำ
เข้าใจค่ะ แต่ยังเอาชนะใจตัวเองไม่ได้ ยังต้องการที่จะแสวงหา คิดว่าเรายังต้องสะสมบารมีอีกหลายภพหลายชาติกว่าจะพ้น เนื่องจากยังติดข้องอยู่กับความสะดวกสบาย ต่างๆ
ยินดีในกุศลจิตครับ
ยินดีในกุศลจิตค่ะ