เราจะรู้จักกันอีกไม่นาน !
โดย all-for-ละ  23 มิ.ย. 2551
หัวข้อหมายเลข 8995

ได้ฟังคำบรรยายจากท่านอาจารย์สุจินต์ที่มูลนิธิ

ช่วงเย็นวันอาทิตย์ที่ผ่านมาท่านอาจารย์พูดคำว่า.เราจะรู้จักกันอีกไม่นานดูจะเป็นคำง่ายๆ ตื้นๆ (พยัญชนะตื้น อรรถความหมายลึก) แต่ทำให้ข้าพเจ้าคิดอะไรในสิ่งต่างๆ จากคำนี้ หากแต่ว่าสหายธรรมแต่ละท่าน เมื่อเห็นหรือได้ยินคำนี้ท่านคิดตรึกอย่างไรกับคำว่า เราจะรู้จักกันอีกไม่นาน



ความคิดเห็น 1    โดย wannee.s  วันที่ 23 มิ.ย. 2551

ให้ทำดีต่อกัน เพราะอีกไม่นานเราก็ต้องตายจากกัน ไม่เจอกันอีกแล้วเกิดใหม่ก็เปลี่ยนภพภูมิ ต่างคนต่างเป็นบุคคลใหม่ค่ะ


ความคิดเห็น 2    โดย pornpaon  วันที่ 23 มิ.ย. 2551

เราจะรู้จักกันอีกไม่นาน

เพราะอัตภาพทั้งหลายที่เกิดมาในแต่ละภพชาตินั้น สั้นเหลือเกิน เมื่อละจากภพนี้อัตภาพนี้ไปแล้ว ความเป็นเรา ที่รู้จักสนิทสนมคุ้นเคยกับบุคคลนั้นบุคคลนี้ย่อมไม่มีอีกต่อไป ไปสู่ภพใหม่ อัตภาพใหม่ ภพเก่า อัตภาพเก่าก็ลืมไปหมด ความเป็นเราจึงไม่มีอยู่จริง ไม่ตั้งอยู่นาน ไม่เป็นแก่นสารให้ยึดถือ

ขออนุโมทนาคุณแล้วเจอกันและผู้เจริญกุศลทุกท่าน

กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

ป.ล. แต่ความหลงผิด ความเข้าใจผิดของดิฉันยังมีมาก ความเป็นเราจึงยังมีอยู่ยังต้องศึกษา ฟังพระธรรม สะสมอบรมและขัดเกลา ไปอีกนานแสนนานค่ะ


ความคิดเห็น 3    โดย suwit02  วันที่ 23 มิ.ย. 2551
สาธุ

ความคิดเห็น 4    โดย มาณพน้อย  วันที่ 23 มิ.ย. 2551

ทุกคนที่เกิดมา ล้วนมีความตายเป็นที่สุดทั้งนั้น เมื่อตายไปแล้วไม่มีอะไรติดตัวไปเลยแม้แต่อย่างเดียว ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าอาภรณ์ ทร้พย์สินเงินทอง ญาติสนิทมิตรสหายผู้เป็นที่รัก, บุคคลผู้ที่เคยรู้จักกัน ก็จะไม่ได้เห็น ไม่ได้รู้จักกันอีกแล้วในชาตินี้ เพราะต้องจากทุกสิ่งทุกอย่างไป บุคคลผู้ที่มีทรัพย์สมบัติ เมื่อละจากโลกนี้ไปแล้ว ทรัพย์สมบัติของบุคคลนั้น ยังคงเหลือ ยังคงปรากฏอยู่ แต่ผู้ที่เป็นเจ้าของ กลับไม่ปรากฏอยู่ในโลกนี้แล้ว ไม่ได้เห็นอีกแล้วและอีกไม่นาน ตัวเราเอง ก็จะต้องเป็นเช่นกับบุคคลคนนั้น อย่างไม่ต้องสังสัย
(รู้จักกันอีกไม่นานจริงๆ ) บุคคลผู้ที่ได้อบรมเจริญปัญญามา เห็นโทษภัยของความติดข้อง ท่านก็จะนำทรัพย์สมบัติดังกล่าวนั้น บริจาคเป็นทานเพื่อประโยชน์สุขของบุคคลอื่น อย่างเช่นพระโพธิสัตว์ นามว่า หาริตะ ซึ่งเกิดในตระกูลพราหมณ์มีทรัพย์ ๘๐ โกฏิ เมื่อบิดามารดาสิ้นชีวิตลง ท่านก็ได้บริจาคทรัพย์ทั้งหมดให้ทานแล้วไปบวชเป็นฤาษีอยู่ในป่าหิมวันต์ กล่าวได้ว่าเป็นผู้ที่เกิดสติ จากการตายของบุคคลอื่นอย่างแท้จริง เมื่อละจากโลกนี้ไปแล้ว สิ่งที่สั่งสมอยู่ในจิตของแต่ละบุคคล ไม่หายไปไหนไม่ว่าจะเป็นกุศลหรืออกุศล และยังจะต้องสั่งสมต่อไปอยู่เรื่อยๆ ในสังสารวัฎฎ์ เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าเป็นโอกาสในการได้สั่งสมกุศล สั่งสมอบรมเจริญปัญญา ย่อมเป็นโอกาสที่ดีเป็นอย่างยิ่งในชาตินั้นๆ ครับ

...ขออนุโมทนาครับ...

..


ความคิดเห็น 5    โดย พุทธรักษา  วันที่ 24 มิ.ย. 2551

โดยส่วนตัว เมื่อข้าพเจ้าได้ยินคำนี้ข้าพเจ้าระลึกถึงหลายเรื่องค่ะ เช่น ชีวิตนี้น้อยนัก อีกไม่นานทุกคนก็ต้องจากโลกนี้ไปตามกรรมของตนๆ ประโยชน์อะไรที่เก็บความพยาบาทเอาไว้. บุคคลในชาตินี้ไม่ว่าจะเป็นใครเมื่อมีเหตุปัจจัยให้มาพบกันในสถานภาพต่างๆ ความเป็นมิตรประเสริฐสุด อีกไม่นานก็ต้องจากกันไปตามกรรมของตนๆ ประโยชน์อะไร ที่จะเก็บความพยาบาทไว้ การตายจากไปของบุคคล คือการจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับมาอีก เพราะจะไม่มีสิ่งที่เคยยึดถือว่าเป็นบุคคลนั้นอีกเลยในสังสารวัฎฎ์ ประโยชน์อะไรที่เราจะระลึกถึง ด้วยความโศกเศร้า ในเมื่อไม่มีบุคคลนั้นอีกแล้ว. การศึกษาพระธรรมเท่านั้น ที่จะเป็นเหตุเกื้อกูลให้ "การรู้จักกัน" ไม่เป็นโมฆะ จริงอยู่ปัญญาอันน้อยนิด ไม่อาจละกิเลสได้ ที่จะมีกุศลจิตตลอดเวลานั้น เป็นไปไม่ได้ แต่ประโยคที่ว่า "เราจะรู้จักกันอีกไม่นาน" เตือนใจข้าพเจ้าให้ระลึกถึงพระปัจฉิมวาจา "สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา พวกเธอจงยังกิจทั้งปวงให้ถึงพร้อม ด้วยความไม่ประมาทเถิด."

ขออนุโมทนา


ความคิดเห็น 6    โดย JANYAPINPARD  วันที่ 24 มิ.ย. 2551


อนุโมทนาคะ


ความคิดเห็น 7    โดย C.pongsiri  วันที่ 24 มิ.ย. 2551

เกิดชาติไหนก็อยากรู้จักท่านอาจารย์ค่ะ


ความคิดเห็น 8    โดย C.pongsiri  วันที่ 24 มิ.ย. 2551

แม้ชาตินี้ก็ขอให้ท่านอยู่กับเราไปอีกนานๆ


ความคิดเห็น 9    โดย mamma  วันที่ 24 มิ.ย. 2551

ต่างคน ต่างมา...

ต่างคน ต่างไป...

อีกนานเท่าไหร่

ไม่ต้องกลับมา


ความคิดเห็น 10    โดย พุทธรักษา  วันที่ 24 มิ.ย. 2551

ต่างคนต่างมา ต่างคนต่างไป ถ้ายังห่วงใยก็ต้องกลับมา อนุโมทนา....สาธุ.


ความคิดเห็น 11    โดย daeng  วันที่ 24 มิ.ย. 2551

สาธุ


ความคิดเห็น 12    โดย เมตตา  วันที่ 24 มิ.ย. 2551

ขออนุโมทนาทุกๆ ท่าน กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์สุจินต์ที่ท่านมีเมตตาอย่างสูงต่อทุกๆ คน ท่านอธิบายพระธรรมที่แสนยาก แสนลึกซึ้งให้พวกเราเข้าใจได้ เพราะบุญที่ได้กระทำมาแต่ปางก่อนจึงเป็นเหตุปัจจัยได้มาพบท่าน บุญกุศลที่ได้กระทำมาขอเป็นเหตุปัจจัยได้พบท่านทุกภพทุกชาติเพื่อจะได้มีความเห็นถูกเป็นสัมมาทิฎฐิค่ะ กราบขออนุโมทนาท่านอีกครั้งค่ะ


ความคิดเห็น 13    โดย ตุลา  วันที่ 24 มิ.ย. 2551

ไม่ได้ไปฟังธรรมในวันอาทิตย์ แต่เมื่อได้อ่านประโยคที่ว่า เราจะรู้จักกันอีกไม่นาน ทำให้นึกถึงความตาย และ เวลาที่เหลืออยู่

ความตาย ทุกคนก็ต้องตาย เป็นเรื่องธรรมดาที่หนีไม่พ้น แต่เวลาที่เหลืออยู่นี้ซิเราไม่ควรที่จะประมาท เพราะเมื่อตายไปแล้วสิ่งที่จะติดตัวเราไปได้ทุกภพทุกชาติก็คือ บุญ (รวมถึงปัญญา) และบาป ฉะนั้นเราจึงควรสั่งสมสิ่งที่ดี เจริญกุศลตามกำลัง และอบรมเจริญปัญญายิ่งๆ ขึ้นไปค่ะ


ความคิดเห็น 14    โดย เจริญในธรรม  วันที่ 24 มิ.ย. 2551
ขออนุโมทนาครับ....สาธุ

ความคิดเห็น 15    โดย aiatien  วันที่ 24 มิ.ย. 2551

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 16    โดย พยายาม  วันที่ 24 มิ.ย. 2551

อันชีวิตคนเรานั้นตั้งอยู่บนความไม่แน่นอน และ แสนสั้นนัก เช้าเห็นหน้ากันอยู๋ครบเย็นอาจตายจากกันไปได้ เย็นคุยกันอยู่ดีๆ เช้าอาจสิ้นชีพเสียแล้ว ฉะนั้นเราทุกคนควรเตรียมความพร้อมเพื่อที่จะตายอยู่ทุกเมื่อ ด้วยความไม่ประมาทหมั่นเพียรศึกษาธรรมะ เจริญรอยตามคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ สาธุ ป.ล. ดิฉันคิดแบบนี้นะ ไม่รู้ถูกต้องหรือเปล่า


ความคิดเห็น 17    โดย opanayigo  วันที่ 26 มิ.ย. 2551

เราจะรู้จักกันอีกไม่นาน..

ทำให้เกิดสติค่ะ ให้มีชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท ในอกุศลทุกประการ

เพื่อชีวิตนี้จะไม่เป็นโมฆะ

กราบอนุโมนาท่านอ.สุจินต์

ขออนุโมทนาสหายธรรมทุกท่านในความเกื้อกูลและแบ่งปันกันค่ะ


ความคิดเห็น 18    โดย michii  วันที่ 4 ก.ค. 2551
ขออนุโมทนาค่ะ

ความคิดเห็น 19    โดย lichinda  วันที่ 7 ก.ค. 2551
เราจะรู้จักกันอีกไม่นานความไม่ใช่เราทำหน้าที่ แม้ใครจะยังมีความเป็นเรา ก็จะมีได้ไม่นานร่างกาย ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ฯลฯ หาความเป็นเราไม่ได้ อาศัยกันเกิดขึ้นจิตใจ รัก ชอบ โกรธ หลง ฯลฯ ไม่ใช่เรา เกิดจากเหตุ