ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษา และพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๘๔
~ คนที่รู้ประโยชน์จริงๆ เห็นความลึกซึ้งจริงๆ เป็นผู้ที่ตรงต่อความจริงของธรรม จะไม่มีการละเลยหรือทอดทิ้งที่จะเข้าใจขึ้น ไม่ว่าจะโดยการอ่าน โดยการฟัง โดยการไตร่ตรอง โดยการสนทนาธรรมหรืออะไรทั้งสิ้น เพราะรู้ว่ากว่าจะได้เข้าใจทีละเล็กทีละน้อย ไม่ใช่ง่าย
~ พระธรรมมีเยอะมากใน ๔๕ พรรษา วันนี้เราฟังกี่นาที น้อยมากใช่ไหมเมื่อเทียบกับในสังสารวัฏฏ์ที่ผ่านมา แต่ประโยชน์มหาศาล ก็ฟัง เพราะเห็นประโยชน์ แต่บังคับบัญชาไม่ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องเป็นไป ถ้ามีการเห็นประโยชน์มาก จะไม่ขาดการฟังแน่นอน เพราะเวลาฟัง บางคนบอกว่า "ไม่มี" ถูกหรือ? เวลาอื่นมี แล้วเวลาฟังธรรมไม่มีอย่างนั้นหรือ?
~ การบูชาด้วยดอกไม้ธูปเทียน ก็ยังไม่เป็นการเคารพอย่างสูงสุด เพราะว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามิได้ทรงหวังดอกไม้ ธูปเทียน เครื่องสักการะ แต่ทรงบำเพ็ญพระบารมีเพื่อหวังให้สาวกได้ดับกิเลสเช่นเดียวกับพระองค์ด้วย แต่ก่อนที่จะดับกิเลสได้ ต้องเป็นผู้ที่ละเอียด เป็นผู้ที่ตรงและต้องเป็นผู้ที่รู้จักตัวเองตามความเป็นจริง
~ ฟังพระธรรมด้วยความเคารพ ก็คือ ฟังเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องในความหมายของแต่ละคำซึ่งลึกซึ้ง ไม่ประมาทเลย เพราะเหตุว่า ความจริงสามารถที่จะเข้าใจได้ เพราะจริง แต่ต้องไม่ใช่เพราะเรา แต่ต้องเป็นปัญญาความเห็นที่ถูกต้องที่ค่อยๆ เข้าใจขึ้น เพราะฉะนั้น แต่ละคนก็สามารถที่จะรู้เองว่าค่อยๆ เข้าใจขึ้นแค่ไหน
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะต้องทรงบำเพ็ญพระบารมีนานเท่าไหร่ยิ่งกว่าใครทั้งหมดที่จะตรัสรู้ความจริงเพื่อให้คนอื่นได้รู้ด้วย พระมหากรุณามากแค่ไหน ไม่ว่าใครจะอยู่ที่ไหน เมืองใด เสด็จไป ประทับที่โรงช่างหม้อ ไม่ได้สะดวกสบายอะไร เพื่ออนุเคราะห์คนที่สามารถจะเข้าใจธรรมได้ เพราะฉะนั้น คำของพระองค์ทุกคำมีค่ายิ่งกว่าความลำบากใดๆ จะเดินไปกี่ก้าวนานเท่าไหร่ พระมหากรุณาเห็นว่าถ้าเขาไม่ได้เริ่มปลูกฝังความเข้าใจถูก ในสังสารวัฏฏ์ ไม่มีทางที่จะรู้ความจริง
~ กิเลสมีมากเหลือเกินในวันหนึ่งๆ นี้ จริงไหม? หรือว่ายังไม่มีใครเห็นกิเลส ถ้าบอกว่ามีน้อย หมายความว่ายังไม่เห็นกิเลสตามความเป็นจริง แต่ถ้าทราบว่าวันหนึ่งๆ นี้กิเลสมากเหลือเกิน ทั้งทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ผู้ใดทราบอย่างนี้ แสดงว่าผู้นั้นรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงว่ากิเลสนั้นมีมาก
~ การฟังพระธรรมเริ่มเข้าใจความลึกซึ้งเมื่อไหร่เริ่มรู้จักคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ไม่ได้ทรงบำเพ็ญพระบารมีเพื่อที่จะให้ทุกคนกราบไหว้บูชาด้วยดอกไม้ของหอมแต่พระมหากรุณาทรงบำเพ็ญพระบารมีเหนือบุคคลใดทั้งสิ้นกว่าจะได้รู้ความจริงเพราะฉะนั้น เมื่อตรัสรู้ความจริงแล้ว ทุกคำของพระองค์เป็นคำที่เมื่อเข้าใจเมื่อไหร่เมื่อนั้นเป็น "เวลาดี" ในสังสารวัฏฏ์
~ คนที่กำลังมีทุกขเวทนามากๆ จะรู้สึกซาบซึ้งทีเดียวในลักษณะการอุปมาทุกขเวทนาเหมือนลูกศร ย่อมให้เกิดความเจ็บปวดทั้งนั้น วันนี้อาจจะแข็งแรงดี แต่ไม่แน่ คืนนี้อาจจะปวดเจ็บที่หนึ่งที่ใด และก็พิจารณาถึงลักษณะของทุกขเวทนา ซึ่งเปรียบเหมือนลูกศร ไม่ว่าจะขณะที่เสียบ ขณะที่หยุดอยู่ หรือขณะที่ถอนออก
~ ผู้ที่ยังไม่ได้ฟังพระธรรมเลย จะถึงความเจริญด้วยปัญญาได้ไหม? เพราะเหตุว่า ความเจริญจริงๆ ไม่ใช่ความเจริญทางวัตถุหรือความเจริญของความโลภความติดข้องความต้องการ การแสวงหาสิ่งซึ่งคิดว่าน่าปรารถนา คือ ลาภ ยศ สรรเสริญ สักการะ ความสุขต่างๆ แต่ความเจริญจริงๆ ต้องเป็นความเจริญของจิตซึ่งมีปัญญาเริ่มเข้าใจธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง
~ การที่เราได้เห็นคุณของพระธรรมที่เราได้เริ่มเข้าใจ ก็รู้ว่าเข้าใจแค่นี้ไม่พอ เมื่อเข้าใจแค่นี้ ไม่พอ แล้วอย่างไร? ก็ฟังต่อไป ไม่ขาดการที่จะอบรมเจริญปัญญาให้เข้าใจขึ้น เพราะรู้ว่า เป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุดในสังสารวัฏฏ์
~ ฟังพระธรรม ประโยชน์มาก ไม่ใช่เสียเวลาเลย เพราะว่า เวลาที่มีอยู่ในโลกนี้ ไปฟังเพลงดูหนังดูละครแล้วได้อะไรที่เป็นความจริงของชีวิตที่จะรู้จักตัวเองตามความเป็นจริงบ้าง แต่ถ้าฟังพระธรรมตามปกติ ตามศรัทธาตามกำลัง ค่อยๆ เข้าใจขึ้น ดีกว่าไม่ได้ฟังแล้วก็ไม่เข้าใจเลย
~ ความคดโกง ความทุจริตต่างๆ ทั้งหมด ใครแก้? ถ้ารู้ว่าไม่ดี ไม่มีใครทำถ้ารู้จริงๆ
~ ความไม่รู้ ทำให้ไม่รู้ว่าอะไรถูก อะไรผิด อะไรดี อะไรชั่ว อะไรเป็นประโยชน์ อะไรไม่เป็นประโยชน์ นั่นคือ ความไม่รู้ แต่เมื่อมีปัญญารู้ถูกต้องตามความเป็นจริง จะไม่ทำสิ่งที่ผิด
~ การศึกษาธรรม เราต้องไม่ลืมว่าธรรมคืออะไร? ธรรมคือสภาพที่มีจริงๆ จะเรียกชื่ออะไรหรือไม่เรียกชื่ออะไร ธรรมก็เป็นอย่างนั้นเปลี่ยนแปลงไม่ได้ อย่างความโกรธให้เปลี่ยนเป็นเมตตาก็ไม่ได้ ความเมตตาก็คือเมตตา ความไม่รู้จะเป็นปัญญาก็ไม่ได้ ปัญญาก็เป็นปัญญา ความไม่รู้ก็เป็นความไม่รู้
~ ไม่ประมาทที่จะสะสมแม้เพียงกุศลเล็กๆ น้อยๆ เพราะใครจะรู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร จะเกิดที่ไหน จะเป็นใคร จะอยู่ในครอบครัวยากจน มั่งมี มีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้น และอกุศลที่สะสมมาจะเพิ่มขึ้นแค่ไหน? เพราะฉะนั้น กุศลแม้เพียงเล็กน้อย ก็ไม่ควรประมาทเลยตราบใดที่เกิดเป็นผู้ที่สามารถที่จะกระทำกุศลได้
~ ความดีเป็นสิ่งที่ควรทำ และเวลาที่จะทำความดี เราก็ไม่สามารถที่จะเลือกได้ว่าวันไหน ทำได้ทุกวัน ดีได้ทุกวัน
~ โทษของอกุศลพรรณนาได้ โทษของโลภะก็มากมาย โทษของโทสะก็มากมาย โทษของโมหะยิ่งมากมาย ใครละได้ แต่ค่อยๆ เห็นโทษ อะไรเห็นโทษ? ไม่ใช่เรา ทั้งหมดเป็นธรรม เป็นอนัตตาที่เห็นโทษก็คือปัญญา ค่อยๆ อบรม ค่อยๆ เจริญขึ้น ค่อยๆ มั่นคงขึ้น
~ กุศลเป็นกุศล อกุศลเป็นอกุศล ไม่ใช่เรา เพราะฉะนั้น สะสมความเห็นถูกทีละเล็กทีละน้อยจนกว่าจะหมดความเป็นเรา ไม่ว่าเราจะได้ยินได้ฟังเรื่องของจิตเห็น หรือว่าความติดข้องอะไรๆ ต่างๆ ขอให้รู้ว่าเป็นความจริง
~ ถ้าเป็นมิตรกันจะไม่มีหวังร้ายต่อกันเลย ถ้าโกรธเมื่อไหร่ไม่ใช่มิตรเมื่อนั้น ถ้าหวังร้ายแม้เพียงเล็กน้อยก็ไม่ใช่มิตรแน่นอน เพราะฉะนั้น ธรรมเป็นธรรมที่ละเอียดจริงๆ แม้แต่มิตรความเป็นเพื่อน ถ้าแข่งดีเมื่อไหร่ ไม่ใช่มิตรเมื่อนั้น ถ้าริษยาเมื่อไหร่ ก็ไม่ใช่มิตรเมื่อนั้น ถ้าต้องการชนะเมื่อไหร่ ก็ไม่ใช่มิตรเมื่อนั้น
~ ใจของผู้ที่เมตตา ไม่เป็นทุกข์ ไม่หวั่นไหว มีแต่ความหวังดีต่อคนอื่น เขาพูดอย่างนั้นเพราะเขาไม่รู้ เขาทำอย่างนั้นเพราะเขาไม่รู้ ความรู้เท่านั้นที่จะระงับความโกรธตามลำดับขั้น
~ ถ้าเข้าใจธรรมมากขึ้นจะอยู่เป็นสุข เพราะความเข้าใจธรรมจะรู้ว่า ขณะใดเป็นอกุศล และขณะใดเป็นกุศล และธรรม ก็คือ มีปัจจัยเกิดขึ้น ใครก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๘๓
... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ ...
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในกุศลจิตครับ
การที่เราได้เห็นคุณของพระธรรมที่เราได้เริ่มเข้าใจ ก็รู้ว่าเข้าใจแค่นี้ไม่พอ เมื่อเข้าใจแค่นี้ ไม่พอ แล้วอย่างไร? ก็ฟังต่อไป ไม่ขาดการที่จะอบรมเจริญปัญญาให้เข้าใจขึ้น เพราะรู้ว่า เป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุดในสังสารวัฏฏ์
~ ~ ~ ~
กราบอนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ฟังธรรม ฟังคำองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอน้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ
กราบอนุโมทนาค่ะ
พระธรรมมีเยอะมากใน ๔๕ พรรษา วันนี้เราฟังกี่นาที น้อยมากใช่ไหมเมื่อเทียบกับในสังสารวัฏฏ์ที่ผ่านมา แต่ประโยชน์มหาศาล ก็ฟัง เพราะเห็นประโยชน์ แต่บังคับบัญชาไม่ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องเป็นไป ถ้ามีการเห็นประโยชน์มาก จะไม่ขาดการฟังแน่นอน เพราะเวลาฟัง บางคนบอกว่า "ไม่มี" ถูกหรือ?เวลาอื่นมี แล้วเวลาฟังธรรมไม่มีอย่างนั้นหรือ?
ยินดีในกุศลวิริยะค่ะ
... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง และยินดีในกุศลของ อ.คำปั่น ด้วยค่ะ ...