ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๐๓
โดย khampan.a  11 มิ.ย. 2560
หัวข้อหมายเลข 28902

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๐๓


~ ไม่มีอะไรที่ประเสริฐที่มีค่ายิ่งกว่าความเห็นที่ถูกต้อง ซึ่งไม่เคยเข้าใจอย่างนี้มาก่อนเลย แล้วจะทิ้งสิ่งที่มีค่าอย่างนั้นหรือ ยังจะกลับไปสู่ความไม่รู้ ยังจะกลับไปสู่ความเห็นผิด อย่างนั้นหรือ?
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้ทุกอย่างละเอียดลึกซึ้ง เพราะกิเลส (เครื่องเศร้าหมองของจิต) ก็ลึกซึ้ง เพราะฉะนั้น ปัญญาลึกซึ้งเท่าไหร่ที่จะสามารถดับกิเลสทั้งหมดไม่เหลือเลยสักอย่าง
~ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ได้ทำร้ายใครเลย แต่กลับเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในสังสารวัฏฏ์ ซึ่งสามารถที่จะทำให้ค่อยๆ เข้าใจสิ่งที่มีจริงได้ ซึ่งควรอย่างยิ่งที่จะได้รู้
~ ความไม่รู้นำมาซึ่งสิ่งที่ผิดจากพระธรรมวินัย มากมาย เช่น สำนักปฏิบัติ และการบวช โดยที่ว่าผู้นั้นไม่มีความเข้าใจธรรมเลยทั้งภิกษุและสามเณร นี่ก็แสดงให้เห็นว่าไม่ได้เข้าใจธรรม และไม่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ ธรรมมีทุกหนทุกแห่ง และทุกขณะ
~ ถ้าเข้าใจถูกต้องจริงๆ ความเห็นผิดก็จะค่อยๆ น้อยลง ความชั่วทั้งหลายก็ลดน้อยลง
~ ผู้ที่เป็นชาวพุทธ เห็นคุณค่าของพระธรรมที่ทำให้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง เพราะฉะนั้น ผู้ที่เห็นคุณค่าเห็นประโยชน์สูงสุดของพระธรรม จะไม่ละเลยการที่จะฟังพระธรรม เพื่อเข้าใจ
~ เราไม่สามารถที่จะแก้ไขใครได้เลย แต่ความเข้าใจต่างหากที่แก้ไขกิเลสซึ่งแต่ละคนมีสะสมมา ซึ่งคนอื่นก็แก้ไขให้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นหนทางเดียว คือ ยิ่งทำให้คนมีโอกาสได้ฟังได้เข้าใจธรรม ก็จะเป็นประโยชน์ เพราะทุกคนต้องแก้ไขตัวเอง
~ ถ้าในชีวิตประจำวันไม่มีการเข้าใจธรรม ไม่มีกุศลเลย ไม่มีทางเลยที่จะดับกิเลสได้
~ จะละชั่ว ละทุจริตทั้งหมดได้ ก็ด้วยคุณความดี และที่สำคัญที่สุด ก็คือ ความดีจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น เมื่อมีปัญญา
~ พระพุทธศาสนาไม่ได้อยู่ที่ไหนเลยทั้งสิ้น ไม่ได้อยู่ที่วัดวาอาราม แต่ว่าอยู่ที่ความเข้าใจของแต่ละคน เพราะฉะนั้นถ้าสามารถที่จะให้คนอื่นได้มีโอกาสได้ฟังธรรม ได้เข้าใจธรรมถูกต้องขึ้น พระพุทธศาสนาก็ดำรงอยู่ได้ต่อไป
~ การสนทนาธรรม เพื่ออะไร? เพื่อความเข้าใจ แล้วใครเข้าใจ? ก็คนที่สนทนานั่นแหละเข้าใจ ถ้าเข้าใจเพราะได้ฟัง ผู้ที่ให้เขาเข้าใจได้ ก็เป็นเพื่อนที่ดี คือ ให้สิ่งที่ดี ให้สิ่งที่ถูกต้อง ให้ความจริง ให้ทุกอย่าง ซึ่งไม่เป็นอันตรายหรือว่าไม่ทำร้ายเลย
~ ถ้าเข้าใจพระธรรมจริงๆ เห็นคุณของพระธรรมจริงๆ เราจะขาดการฟังพระธรรมไหม? ไม่ขาดการฟังพระธรรม
~ เป็นได้ง่ายไหมบัณฑิต? ถ้าเข้าใจข้อปฏิบัติผิดและกำลังปฏิบัติผิดอยู่ก็เป็นบัณฑิตไม่ได้ เพราะฉะนั้นการที่จะเป็นบัณฑิต ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นได้ง่ายๆ จึงต้องเป็นผู้ฟังเป็นผู้ที่เข้าใจถูกปฏิบัติถูกตรงตามพระธรรมอย่างแท้จริง
~ แม้จะเป็นผู้มีทรัพย์ มีลาภ มียศ มีสรรเสริญ แต่ยังไม่หมดกิเลส ยังไม่ได้ขัดเกลาละอกุศลให้เบาบาง ก็เป็นเรื่องที่ประมาทไม่ได้เลยว่ากิเลสนั้นจะมีกำลังกล้าที่จะทำให้ท่านปฏิบัติคลาดเคลื่อนผิดไปในทางอกุศลกรรมหนักๆ อย่างไรบ้าง ประมาทไม่ได้เลยจริงๆ
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงเรื่องของอกุศลมากทีเดียว เพื่อให้เห็นโทษ ถ้าใครที่ยังไม่เห็นโทษของอกุศล ก็ยังประมาทอยู่เพราะคิดว่า มีกุศลพอแล้ว แต่ถ้าเห็นโทษของอกุศลมากๆ จะเป็นผู้ที่ไม่ประมาท
~ ไม่ควรประมาทกุศลแม้เพียงเล็กน้อยในชีวิตประจำวัน เพียงขณะหนึ่งที่ทำความดี ขณะนั้นก็สะสมที่จะเป็นคนดีในลักษณะนั้นๆ ต่อไป
~ ลองคิดดูว่า ถ้าไม่อภัยให้ใคร กาย วาจาที่มีต่อบุคคลนั้นจะเป็นอย่างไร จะไม่เป็นไปในทางที่เป็นมิตรเลย เพราะฉะนั้นกุศลก็ย่อมเจริญไม่ได้ แล้วก็จะถึงฝั่ง (แห่งการดับกิเลส) ได้อย่างไร
~ จากโลกนี้ไปจะเอาอะไรไปบ้าง ใครที่มีมรดกมากมายมหาศาลเอาไปได้ไหม? เอาไปได้เฉพาะความโลภบ้าง ความโกรธบ้าง ความดีบ้าง ความชั่วบ้าง แต่ความเข้าใจถูกความเห็นถูก ถ้าไม่มีการฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีทางที่จะมีสิ่งนี้ (คือความเข้าใจถูกเห็นถูก) อยู่ในใจ จนถึงชาติหน้าและชาติต่อไป
~ ผู้ใดประพฤติปฏิบัติผิดในปัจจุบันชาติ สะสมเป็นเหตุเป็นปัจจัยในชาติต่อๆ ไป ก็มีการสะสมที่จะให้เห็นผิด เข้าใจผิด ประพฤติปฏิบัติผิดต่อไป จนกระทั่งไม่สามารถที่จะประพฤติปฏิบัติในข้อที่ถูกได้ และนอกจากนั้นก็ยังจะชักชวนบุคคลอื่นให้มีความเข้าใจผิด มีการประพฤติปฏิบัติผิดด้วย ซึ่งก็เป็นโทษเป็นภัย เพราะไม่สามารถจะทำให้ดับกิเลสได้เป็นสมุจเฉท (ถอนขึ้นได้อย่างเด็ดขาด)
~ คนที่เห็นประโยชน์จริงๆ ในชีวิต ทรัพย์สมบัติเอาไปไม่ได้ ทุกอย่างเอาไปไม่ได้ แต่ความดี ความเข้าใจธรรม ก็จะนำ (ทาง) ต่อไปให้เป็นคนที่สะสมที่จะเป็นคนที่ดีในชาติต่อๆ ไป จนกว่ากิเลสจะหมด
~ กล้าที่จะทำผิด กิเลสแน่นอน กล้าที่จะผิดต่อไป ก็เป็นกิเลส แต่ถ้ารู้ว่า สิ่งใดเป็นสิ่งที่ถูกแล้ว กล้าที่จะทำสิ่งที่ถูกต้อง นั่นก็เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง
~ อกุศลเป็นสภาพธรรมที่ทำให้ประพฤติในสิ่งที่ไม่สมควรต่างๆ มากมาย ซึ่งผู้ที่มีความประพฤติที่ไม่สมควรต่างๆ นั้น ก็เพราะว่า ไม่ได้คล้อยตามพระพุทธพจน์ ไม่ได้น้อมประพฤติปฏิบัติตามพระธรรม
~ กิเลสประการต่างๆ เป็นเครื่องเศร้าหมองของจิต เมื่อเกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ก็เป็นเครื่องตัดหรือทำลายซึ่งกุศลธรรม ไม่สามารถทำให้กุศลธรรมเกิดขึ้นเป็นไปในขณะนั้นได้เลย
~ กิเลสทั้งหลาย เป็นภัยที่ยิ่งใหญ่ โดยเหตุที่ว่าอยู่ภายในตัวเอง ไม่ได้อยู่ไกลเลย เป็นสิ่งไม่ดีที่มีอยู่ในจิตใจ เป็นเหตุให้กระทำอกุศลกรรมต่างๆ และก็จะเป็นผู้ได้รับผลของอกุศลกรรมนั้นๆ เอง


~ ปัญญา ไม่ใช่ว่าทุกคนมี แต่เป็นสิ่งซึ่งจะเกิดมีขึ้นได้ โดยอาศัยการฟัง การพิจารณา การไตร่ตรอง การสนทนา การเห็นประโยชน์ แล้วก็การฟังเพิ่มขึ้น เข้าใจเพิ่มขึ้น ปัญญาก็จะเจริญขึ้น


~ อกุศล กล้าในทางอกุศล กล้าฆ่า กล้าเบียดเบียน กล้าประทุษร้าย แต่ว่าถ้าเป็นทางฝ่ายที่ดี แล้ว ก็กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ ทำสิ่งที่ดี
~ ฟังคำของคนที่มีความเห็นผิด เข้าใจผิด พูดผิด คนฟังเชื่อไหม? ถ้าเชื่อ ก็เห็นผิดตามไปด้วย เห็นโทษไหม? เป็นอันตรายมากสำหรับการฟังคำของคนอื่นที่ไม่ใช่คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
~
พูดถึงความเห็นผิด ให้เข้าใจถูกต้อง ว่านั่น เห็นผิดมิฉะนั้นจะมีประโยชน์อะไร แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังตรัสไว้ ให้รู้ชัดเจนว่า อะไรผิด อะไรถูก
~ ทำไมคนๆ เดียว (ซึ่งเป็นคนมีความเห็นผิด) ถึงมีโทษมากมายได้? เพราะเหตุว่าย่อมชักชวนคนอื่นให้เห็นผิดตามไปด้วย เมื่อตนเองมีความเห็นวิปริตคลาดเคลื่อนไปจากสภาพธรรมตามความเป็นจริง ก็ยังจะชักชวนเผยแพร่ความคิดเห็นนั้นให้คนอื่นมีความเห็นอย่างนั้นได้ด้วย
~ ยิ่งมีความเห็นผิด ปฏิบัติผิด ก็ยิ่งห่างไกลแสนไกลจากคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๐๒

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...



ความคิดเห็น 1    โดย ปาริชาตะ  วันที่ 11 มิ.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 2    โดย peem  วันที่ 11 มิ.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 3    โดย Noparat  วันที่ 11 มิ.ย. 2560

ขอบพระคุณและอนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 4    โดย thilda  วันที่ 11 มิ.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 6    โดย มกร  วันที่ 12 มิ.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 7    โดย เมตตา  วันที่ 12 มิ.ย. 2560

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 8    โดย meenalovechoompoo  วันที่ 12 มิ.ย. 2560
กราบอนุโมทนาสาธุๆ ค่ะ

ความคิดเห็น 9    โดย jaturong  วันที่ 12 มิ.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 10    โดย มานิสาโข่งเขียว  วันที่ 12 มิ.ย. 2560

อนุโมทนาสาธุ


ความคิดเห็น 11    โดย ประสาน  วันที่ 13 มิ.ย. 2560

การศึกษาพระธรรมต้องเป็นผู้ละเอียด ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 12    โดย kukeart  วันที่ 14 มิ.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 13    โดย j.jim  วันที่ 14 มิ.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 14    โดย ํํญาณินทร์  วันที่ 19 มิ.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 15    โดย เจียมจิต  วันที่ 25 มิ.ย. 2560

กราบอนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 16    โดย chatchai.k  วันที่ 27 ม.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 17    โดย มังกรทอง  วันที่ 26 ก.ค. 2564

ปัญญา ไม่ใช่ว่าทุกคนมี แต่เป็นสิ่งซึ่งจะเกิดมีขึ้นได้ โดยอาศัยการฟัง การพิจารณา การไตร่ตรอง การสนทนา การเห็นประโยชน์ แล้วก็การฟังเพิ่มขึ้น เข้าใจเพิ่มขึ้น ปัญญาก็จะเจริญขึ้น

น้อมกราอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ


ความคิดเห็น 18    โดย มังกรทอง  วันที่ 3 ม.ค. 2565

เราไม่สามารถที่จะแก้ไขใครได้เลย แต่ความเข้าใจต่างหากที่แก้ไขกิเลสซึ่งแต่ละคนมีสะสมมา ซึ่งคนอื่นก็แก้ไขให้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นหนทางเดียว คือ ยิ่งทำให้คนมีโอกาสได้ฟังได้เข้าใจธรรม ก็จะเป็นประโยชน์ เพราะทุกคนต้องแก้ไขตัวเอง

น้อมกราอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ


ความคิดเห็น 19    โดย สิริพรรณ  วันที่ 8 ส.ค. 2565

กราบนอบน้อมพระรัตนตรัยในพระคุณที่สูงสุด
กราบบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์เป็นอย่างยิ่ง
กราบขอบพระคุณ อนุโมทนายินดีในกุศล อ.คำปั่นด้วยค่ะ