ใน พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้าที่ 1-21
๗. สติปัฏฐานวิภังค์ สุตตันตภาชนีย์
ในส่วน กายานุปัสสนานิทเทส เวทนานุปัสสนานิทเทส จิตตานุปัสสนานิทเทส และธัมมานุปัสสนานิทเทส จะมีข้อความว่า "ภิกษุนั้น ย่อมเสพ เจริญ ทำให้มาก กำหนดด้วยดี ซึ่งนิมิตนั้น" ในทุกนิทเทส
๑. ใคร่ขอช่วยอธิบายคำว่า "ย่อมเสพ เจริญ ทำให้มาก"
๒. "กำหนดด้วยดี" กำหนดด้วยดี คือกำหนดอย่างไร
๓. "ซึ่งนิมิตนั้น" นิมิตในที่นี้ หมายความถึงอะไร
ขอบพระคุณครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
๑. ใคร่ขอช่วยอธิบายคำว่า "ย่อมเสพ เจริญ ทำให้มาก"
-ขณะที่ปัญญาเกิดรู้ความจริง ที่เป็นวิปัสสนา อันมีวิริยะความเพียรที่รู้สภาพธรรมที่มีจริงในขณะนั้น ชื่อว่า ย่อมเสพ คือ ปัญญารู้ความจริง ที่เสพคุ้นด้วยวิริยะ ที่เพียรรู้ความจริงในขณะนั้น
ย่อมเจริญ หมายถึง ขณะที่รู้ความจริง ขณะนั้น ปัญญาก็กำลังเจริญรู้ความจริง ขื่อว่า ย่อมเจริญ
ทำให้มาก ก็คือ ในขณะที่รู้ความจริงในสภาพธรรมบ่อยๆ ในชีวิตประจำวัน ทาง ตา หู จมูก ลิ้น กายและใจ ชื่อว่า ย่อมทำให้มาก
[เล่มที่ 78] พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้าที่ 177
เมื่อทำความเพียรอยู่นั่นแหละ ชื่อว่า ย่อมเสพ ย่อมเจริญ.เมื่อทำความเพียรบ่อยๆ ชื่อว่าทำให้มาก เมื่อทำตั้งแต่ต้นเทียว ชื่อว่า ย่อมปรารภ เมื่อทำบ่อยๆ ชื่อว่า ปรารภด้วยดี เมื่อซ่องเสพด้วยสามารถแห่งภาวนา ชื่อว่า ย่อมเสพ เมื่อให้เจริญอยู่ ชื่อว่า ย่อมเจริญ เมื่อทำสิ่งนั้นนั่นแหละในกิจทั้งปวงให้มาก พึงทราบว่า ย่อมกระทำให้มาก ดังนี้
๒. "กำหนดด้วยดี" กำหนดด้วยดี คือกำหนดอย่างไร
-ไม่ใช่เราที่กำหนด แต่เป็น สติและปัญญาที่กำหนดด้วยดี คือ ตรงลักษณะของสภาพธรรมในขณะนั้นและรู้ความจริงว่าไม่ใช่เรา เป็นต้น ซึ่งก็คือ ขณะที่สติปัฏฐานเกิดนั่นเอง ไม่มีเราที่จะไปทำ ไปกำหนด ครับ
๓. "ซึ่งนิมิตนั้น" นิมิตในที่นี้ หมายความถึงอะไร
-นิมิต ก็คือ ตัวสภาพธรรมที่เป็นกรรมฐานนั้น เช่น กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน นิมิต คือ ตัวอารมณ์ที่สติรู้ นั่นคือ รูปธรรมที่ปรากฏทางกาย เป็นต้น เป็นนิมิตที่กำลังปรากฏ สภาพธรรมที่กำลังปรากฏ เป็น นิมิต ที่ปรากฏให้รู้ความจริงได้ ว่าเป็นแต่เพียงธรรม ไม่ใช่เรา ครับ
[เล่มที่ 78] พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ เล่ม ๒ ภาค ๒- หน้าที่ 108
คำว่า โส ต นิมิตฺต ได้แก่ ภิกษุนั้น . . . ซึ่งนิมิตแห่งกรรมฐานนั้น
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สิ่งสำคัญ คือความเข้าใจถูกเห็นถูก ด้วยการอาศัยพระธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ว่า สติปัฏฐานเป็นการระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังมีกำลังปรากฏตามความเป็นจริง ซึ่งต้องมีสภาพธรรมที่มีจริงๆ ที่เป็นปรมัตถธรรมเป็นที่ตั้งของสติและปัญญาที่ระลึกและรู้ถูกเห็นถูกตามความเป็นจริง โดยที่ไม่มีตัวตนที่เสพ ที่เจริญ ที่กระทำให้มาก ไม่มีตัวตนที่ไปกำหนด แต่เป็นกิจหน้าที่ของสภาพธรรมฝ่ายดี คือ สติ ปัญญาและโสภณธรรมอื่นๆ เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ เมื่อมีเหตุปัจจัยพร้อม คือ มีความเข้าใจในเรื่องของสภาพธรรมที่มีจริงๆ ในขณะนี้ เพราะสิ่งที่มีจริงๆ ในขณะนี้เป็นอารมณ์ของสติปัฏฐานได้ ถ้ามีความเข้าใจอย่างถูกต้อง ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาอาจารย์ทั้งสองท่าน ครับ.
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ส่วนมากอ่านข้อความแล้วจะไปเจริญไปทำ ถ้าไม่มีความเข้าใจไปทำก็ผิด เริ่มต้นเพียงรู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นธรรมะ เช่น เห็นเป็นธรรมะที่ไม่ใช่สัตว์บุคคลยังเข้าใจยากเลย ค่ะ
ขออนุโมทนา
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ