จำว่าทุกสิ่งเป็นธรรมะ แต่ธรรมดาเมื่อความจำเกิดขึ้น แล้วย่อมดับไปเป็นเช่นนั้น
ขณะที่กล่าวคำว่า "ธรรมะ" ก็มีสภาพความจำเกิดขึ้นเช่นกัน แล้วก็ลืมทันที
เช่น ขณะที่กล่าวคำว่า "ธัม" ออกมา ขณะนั้นมีความจำคำว่าเสียงนั้น เพียงเสียงเดียว
ไม่มีความจำอื่นเกิดขึ้นเลย ในขณะที่กล่าวคำว่า "มะ" ออกมา ก็ลืมคำว่า "ธัม" นั้น
เสียสนิท แต่จำคำว่า "มะ" แทน เพราะพระธรรมมีความไพเราะ ละเอียดลึกซึ้ง
เกินกว่าที่จะคิดเองได้ จึงขอเชิญทุกท่านร่วมสนทนาธรรม
ความจำเป็นสัญญาเจตสิกเกิดกับจิตทุกดวงเกิดแล้วดับสิ่งที่ดับไปแล้วแต่มีสิ่งอื่น
เป็นอารมณ์ขณะนั้นเรียกว่าลืมก็ได้..แต่สามารถคิดนึกถึงสิ่งที่จำได้ทางมโนทวารเช่น
เสียงนี้เรียกว่าธัมเสียงนี้เรียกว่ามะ
สังเกตุสภาพที่จำ......เรื่องเก่าๆ อยู่ๆ ก็ผุดขึ้นมา..บางเรื่องก็ลืมนึกไม่ออกแม้มีคนมาบอกว่าเราเคยคุยกันอย่างนั้นอย่างนี้ก็นึกไม่ออก..แสดงว่าสัญญามันบังคับไม่ได้จริง แต่ต้องมีเหตุปัจจัยจึงจำ..จึงลืม...เรื่องที่ไม่ใส่ใจมักจะลืมง่ายกว่าเรื่องที่สนใจ...เวลาเรื่องที่ผุดมาก็ระลึกว่า..สัญญาเรื่องนี้มันไปอยู่ไหนมา แสดงว่ามันไม่ได้มีอยู่ตลอดเวลา..ไม่มีตัวตน มีเกิด มีดับ ไม่ใช่ตัวเดิม
เป็นหัวข้อที่น่าสนใจ ขออนุโมทนา ขอเชิญทุกท่านร่วมสนทนา