พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 490
๑. ปฐมเทวสูตร
ว่าด้วยวัตรบท ๗
[๙๐๕] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวันอารามของอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี ในกาลครั้งนั้นแล ฯลฯ
[๙๐๖] พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ท้าวสักกะจอมเทพเมื่อยังเป็นมนุษย์อยู่ในกาลก่อน ได้สมาทานวัตรบท๗ ประการบริบูรณ์ เพราะเป็นผู้สมาทานวัตรบท ๗ ประการ จึงได้ถึงความเป็นท้าวสักกะ วัตรบท ๗ ประการ เป็นไฉน คือ
เราพึงเลี้ยงมารดาบิดาจนตลอดชีวิต ๑
เราพึงประพฤติอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ในตระกูลจนตลอดชีวิต ๑
เราพึงพูดวาจาอ่อนหวานตลอดชีวิต ๑
เราไม่พึงพูดวาจาส่อเสียดตลอดชีวิต ๑
เราพึงมีใจปราศจากความตระหนี่ อันเป็นมลทินอยู่ครองเรือน มีการบริจาคอันปล่อยแล้วมีฝ่ามืออันชุ่มยินดีในการสละ ควรแก่การขอ ยินดีในการแจกจ่ายทานตลอดชีวิต ๑
เราพึงพูดคำสัตย์ตลอดชีวิต ๑
เราไม่พึงโกรธตลอดชีวิต ถ้าแม้ความโกรธพึงเกิดขึ้นแก่เรา เราพึงกำจัดมันเสียโดยฉับพลันทีเดียว ๑
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ท้าวสักกะจอมเทพ เมื่อยังเป็นมนุษย์อยู่ในกาลก่อนได้สมาทานวัตรบท ๗ ประการนี้ บริบูรณ์ เพราะเป็นผู้สมาทานวัตรบท ๗ ประการ ดังนี้ จึงได้ถึงความเป็นท้าวสักกะ.
[๙๐๗] พระผู้มีภาคเจ้าผู้สุคตศาสดา ครั้นตรัสไวยากรณภาษิตนี้จบลงแล้ว จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า เทวดาชั้นดาวดึงส์ กล่าวถึงนรชน ผู้เป็นบุคคล เลี้ยงมารดาบิดามีปกติประพฤติอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ในตระกูล เจรจา อ่อนหวาน กล่าวคำสมานมิตรสหาย ละคำส่อเสียด ประกอบในอุบายเป็นเครื่อง กำจัดความตระหนี่ มีวาจาสัตย์ ครอบงำ ความโกรธได้ นั้นแลว่า เป็นสัปบุรุษดังนี้
สาธุ ขออนุโมทนา ฯ
กราบนอบน้อมพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นด้วยเศียรเกล้า
ขอบพระคุณยินดีในกุศลด้วยค่ะ
ศึกษาพระธรรมเพิ่มเติมคลิ๊กที่
คนที่ปฎิบัติคุณธรรมของพระอินทร์ครบบริบูรณ์ จะได้เป็นพระอินทร์หรือไม่ หรือต้องรอคิวครับ
ขออนุโมทนาครับ