กำลังฟัง คิดถึงเรื่องอื่นหรือเปล่า แล้วจะเข้าใจสิ่งที่ฟังไหม มีเสียง และก็มีคำ ที่กล่าวถึงสิ่งที่มีจริง แต่ถ้าไม่ได้อบรมความศรัทธา ที่จะสดับ ที่จะทำให้เข้าใจขึ้นๆ ก็ทำให้ฟังไป เผลอไป แล้วก็คิดเรื่องอื่น แทนที่จะเข้าใจธรรม
ถ้าเป็นป่า แล้วก็มีเสียงจักจั่นเรไร แต่ไม่มีธาตุที่เกิดขึ้นได้ยิน ก็ไม่มีอะไรที่จะปรากฏ หรือถ้าตาบอด แล้วก็มีป่า แล้วก็มีพวกสัตว์ป่า ก็ไม่มีการเห็นใดๆ เลยทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นทั้งหมดก็เป็นธรรม ซึ่งมีปัจจัยเกิดแล้วก็ดับ แต่ละทาง มีตาให้รู้ว่ามีสิ่งที่สามารถปรากฏให้เห็นได้อย่างนี้ เป็นอย่างนี้ ไม่เป็นอย่างอื่น มีหูซึ่งสามารถจะทำให้จิตเกิดได้ยินเสียง แต่ละเสียง ชัดเจนว่าเป็นเสียงที่หลากหลาย มีกลิ่นต่างๆ ซึ่งจมูกไม่สามารถที่จะรู้กลิ่นเลย แต่ว่าเป็นทางที่จะทำให้ธาตุรู้ คือจิตเกิดขึ้น ได้กลิ่น ในขณะที่กลิ่นกระทบกับฆานปสาท ขณะนั้นสิ่งที่ปรากฏทางตาปรากฎไม่ได้ เสียงก็ปรากฎไม่ได้ เฉพาะกลิ่นอย่างเดียวที่ปรากฎ
นี่คือธรรมที่มีจริงในชีวิตประจำวัน เพื่อที่จะให้คนที่มีโอกาสได้ยิน ได้ฟัง ได้ไตร่ตรอง ได้เข้าใจคำว่าธรรม ไม่ใช่เพียงชื่อ แต่ว่าหมายความถึง กล่าวถึงสิ่งที่มีจริง และไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชา เกิดเมื่อไร ปรากฎให้รู้เมื่อไร ก็เป็นลักษณะของสิ่งที่มีจริงแต่ละลักษณะ ทั้งหมดเป็นธรรม เพราะเหตุว่ามีจริงๆ และไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร เพราะฉะนั้นจึงมีคำว่า ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา
กำลังฟัง คิดถึงเรื่องอื่นหรือเปล่า แล้วจะเข้าใจสิ่งที่ฟังไหม เห็นหรือไม่ กว่าแม้แต่มีเสียง และก็มีคำ ที่กล่าวถึงสิ่งที่มีจริง แต่ถ้าไม่ได้อบรมความศรัทธา ที่จะสดับ หมายความว่าเห็นประโยชน์ของการที่แต่ละคำมีความหมาย ที่จะทำให้เข้าใจขึ้นๆ ก็ทำให้ฟังไป เผลอไป แล้วก็คิดเรื่องอื่น แทนที่จะเข้าใจธรรม เพราะฉะนั้นถ้าใครสั่งสมมาที่จะเป็นผู้ฟัง มีโอกาสที่จะได้ยิน ได้ฟัง สิ่งที่จะทำให้เกิดปัญญา ความเห็นที่ถูกต้องขึ้น แต่ถ้าใครไม่ได้สะสมมาเป็นผู้ฟัง เป็นผู้คิด เป็นผู้พูด แม้กำลังได้ยินเสียงอย่างนี้ ก็คิดเรื่องอื่น พูดเรื่องอื่น ไม่มีโอกาสที่จะได้แม้เข้าใจคำที่ได้ฟัง
แม้แต่ แต่ละขณะนี้ ก็เป็นไปตามเหตุ ตามปัจจัย ซึ่งเป็นธรรมแต่ละอย่าง เพราะฉะนั้นประโยชน์ของการฟัง ที่คนถามว่าฟังอย่างไร จะเข้าใจ ใช่ไหม ก็คือว่าต้องฟังด้วยความเข้าใจ แล้วก็เห็นประโยชน์ ว่าสิ่งที่กำลังได้ยิน ได้ฟัง หมายความถึงอะไร และสิ่งที่กล่าวถึงนั้น เดี๋ยวนี้มีจริงๆ หรือเปล่า เมื่อมีจริง เป็นจริงอย่างที่กล่าวหรือเปล่า กว่าจะค่อยๆ สะสมความเข้าใจ หรือความเห็นที่ถูกต้อง ก็ต้องรู้อัธยาศัยของตัวเอง ว่าถ้าไม่เพียงสนใจ ศรัทธาที่จะฟัง เป็นเรื่องอื่นไปแล้ว แล้วก็ต้องถามกันอีก เมื่อสักครู่พูดว่าอะไร แล้วธรรมเป็นอนัตตาอย่างไร ก็เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นคำตอบก็คือว่า บุคคลนั้นก็จะรู้อัธยาศัยของตัวเอง ว่าเป็นผู้ฟังที่จะเข้าใจธรรมที่ได้ฟัง หรือว่าเป็นผู้ฟังที่ไม่เข้าใจ เพราะไม่ได้ฟัง เพียงแต่ได้ยินแล้วก็ผ่านไป
รับฟัง และ อ่านเพิ่มเติม
สนทนาธรรมที่อุทยานแห่งชาติเขาเขียว