เรียนสอบถามท่านอาจารย์ค่ะ
1. ในปวัตติกาล โอปปาติกะกำเนิดในกามภูมิมีกัมมชกลาปอีก 1 กลาปคือชีวิตนวกกลาป เกิดได้ตั้งแต่ฐีติขณะของปฏิสนธิกาล
สงสัยในปวัตติกาล ... แต่มาเกิดในปฎิสนธิกาลค่ะ
2. ในปวัตติกาลเริ่มนับตั้งแต่กรรมสร้างรูปครบ 20 รูปแล้วใช่ไหมค่ะ
กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ผู้ที่ปฏิสนธิเป็นโอปปาติกกำเนิดคือ การเกิดเป็นกายที่มีอวัยวะครบทันที เช่น เทวดา เปรต อสุรกาย และ ผู้ที่เกิดในนรก มีกัมมชรูปครบทั้ง ๗ กลาป (หทยทสกกลาป ๑ กายทสกกลาป ๑ ภาวทสกกลาป ๑ จักขุทสกกลาป ๑ โสตทสกกลาป ๑ ฆานทสกกลาป ๑ ชิวหาทสกกลาป ๑) โดยเกิดพร้อมกันทันทีทั้ง ๗ กลาปในขณะปฏิสนธิ แต่ถ้ากรรมประเภทใดไม่เป็นปัจจัยให้รูปประเภทใดเกิด ก็เว้นรูปกลาปนั้นๆ ทั้งในปฏิสนธิกาล (ขณะปฏิสนธิจิตเกิด) และในปวัตติกาลคือ ขณะหลังปฏิสนธิ
ผู้ที่ปฏิสนธิเป็นพรหมบุคคลในรูปพรหมภูมิเป็นโอปปาติกกําเนิด มีกัมมชรูป ๔ กลาปเท่านั้น คือ หทยทสกกลาป จักขุทสกกลาป โสตทสกกลาป และชีวิตนวกกลาป เว้นฆานปสาทรูป ชิวหาปสาทรูป กายปสาทรูป ภาวรูป ซึ่งเป็นผลของการระงับความเพลิดเพลินยินดีในกามอารมณ์ด้วยกําลังของฌานจิตที่เป็นปัจจัยให้เกิดเป็นรูปพรหมบุคคล
ผู้ที่เป็นอสัญญสัตตาพรหม คือ พรหมที่มีแต่รูปธรรม ไม่มีนามธรรมเลยนั้น มีกัมมชกลาป ๑ กลาป คือ ชีวิตนวกกลาปกรเกิดเป็นอสัญญสัตตาพรหมนั้น เป็นผลของปัญจมฌานที่คลายความยินดีในนามธรรม เพราะเห็นโทษของนามธรรมที่เป็นไปตามกิเลส จึงปรารถนาที่จะไม่มีนามธรรม
ดังนั้น ในกามภูมิ จึงไม่มีกลุ่มของรูปที่เป็นชีวิตนวกกลาป ครับ
สำหรับชีวิตในชาติหนึ่งๆ แบ่งออกเป็น ๒ กาล คือ ปฏิสนธิกาล กาลหนึ่ง และปวัตติกาล อีกกาลหนึ่ง สำหรับปฏิสนธิกาล คือ ในขณะที่ปฏิสนธิจิตเกิดขึ้นเพียงขณะเดียวเป็นปฏิสนธิกาล หลังจากนั้นทั้งหมด คือ ตั้งแต่ปฏิสนธิจิตดับไปแล้ว ก็เป็นปวัตติกาลครับ
... ยินดีในกุศลของคุณ Nanu และทุกๆ ท่านด้วยครับ ...
ยินดีในกุศลจิตครับ
อนุโมทนาสาธุค่ะ