จากที่กล่าว สงสัยว่ากุศลจิตทั้งหมดนั้นให้ผลเป็นวิบากจิตทั้งหมด หรือ เฉพาะกุศลจิตขณะให้จนสำเร็จแล้วเท่านั้น
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กรรม หมายถึงการกระทำ ซึ่งเมื่อว่าโดยสภาพธรรมแล้ว ได้แก่ เจตนาเจตสิก มีอยู่ด้วยกัน ๒ ประเภท คือ เจตนาที่เกิดร่วมกับจิตทุกดวง และ เจตนาที่เป็นตัวกระทำกรรมที่จะเป็นเหตุให้เกิดผลข้างหน้า ซึ่งเมื่อกล่าวโดยประมวลแล้ว ทุกครั้งที่จิตเกิดขึ้นจะมีเจตนาเจตสิกเกิดร่วมด้วยเสมอ
กุศลจิต คือ จิตที่ดีงาม ที่ประกอบด้วยเจตสิกที่ดี มีศรัทธา เป็นต้น ซึ่งก็ต้องมีเจตนาที่เป็นกรรมด้วย
อกุศลจิต คือ จิตที่ไม่ดี เพราะประกอบด้วยเจตสิกที่ไม่ดี มีโลภเจตสิก เป็นต้น
กุศลกรรม คือ เจตนาในการกระทำกรรมดี ซึ่งโดยมากหมายถึง การกระทำกรรมดี ทางกาย วาจาและใจ ที่มีกำลังจนเป็นกุศลกรรม มีการให้ทาน รักษาศีล ไม่ใช่เพียงคิดที่จะให้ แต่ยังไม่ได้ให้ ที่เป็นเพียงกุศลจิตเท่านั้น
อกุศลกรรม คือ เจตนาในการกระทำกรรมไม่ดี ซึ่งโดยมาก หมายถึง การกระทำกรรมไม่ดีทางกาย วาจาและใจที่มีกำลัง จนครบองค์กรรมบถ เช่น การฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ เป็นต้น ไม่ใช่เพียงคิดจะฆ่า แต่ยังไม่ได้ฆ่าที่เป็นอกุศลจิตเท่านั้น
เพราะฉะนั้น กุศลจิต บางอย่างก็ให้เกิดวิบาก บางอย่างก็ไม่ให้เกิดวิบาก ขึ้นอยู่กับกำลังของกุศล เช่น คิดจะให้ทาน แต่ยังไม่ได้ให้ ก็กำลังของกุศลไม่มาก ก็สะสมเป็นอุปนิสัย ไม่ให้ผลเกิดวิบาก ต่างกับ ความเข้าใจพระธรรมที่เกิดขึ้น กุศลมีกำลังเกิดพร้อมปัญญา จึงให้ผลเกิดวิบากได้ครับ
อ่านเพิ่มเติม ลิงก์นี้ครับ ทุกครั้งที่กุศลจิตเกิด จะเป็นเหตุให้เกิดวิบากเสมอหรือไม่
ขออนุโมทนา
ขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สิ่งที่มีจริง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และทรงแสดงเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์โลก ได้เข้าใจ ตามความเป็นจริง แม้แต่ในขณะที่เจริญกุศล ทั้งก่อนกระทำ ในขณะที่กระทำ และหลังจากที่กระทำเป็นไปแล้ว ก็ไม่พ้นไปจากสภาพธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไป เมื่อกุศลสำเร็จแล้ว ก็ย่อมจะเป็นเหตุให้ผลเกิดขึ้นได้ ทั้งหมดนั้น ล้วนเป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัยไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น ครับ
...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...