ท่านอาจารย์ พอคุณหมอเข้าใจแล้ว คิดที่จะเกื้อกูลพวกแม่ชีทั้งหลายบ้างไหม?
คุณหมอจอย คิดตลอดเวลาค่ะ เพราะเรารู้สึกว่า ความเข้าใจกับความไม่เข้าใจ ต่างกันเยอะมาก พอเข้าใจแล้ว มันเบา ไม่ต้องไปตั้งอกตั้งใจเพ่งสมาธิ เพ่งลมหายใจ อะไรทำนองนี้ เพราะว่า เมื่อสติระลึกได้ แล้วเห็นจริงๆ ว่า มันดับแล้ว มันเบามากเลย คือ อันนี้ก็เข้าใจ อันนี้ก็เข้าใจ และมันก็คือทุกขณะ ในขณะที่เราเห็นแม่ชีท่านอื่นๆ ยังเต็มไปด้วยความไม่รู้ ที่เขาฝังมานานมาก และการที่เราจะไปเกื้อกูลเขา มันยากมาก แม้แต่ตัวเราเอง เราก็ว่ามันยาก ที่จะทำให้เข้าใจถูกแบบนี้ ตอนที่จะไปเกื้อกูลผู้อื่น ไม่จำเป็นต้องเป็นแม่ชีด้วย ก็จะพยายามอธิบายให้เข้าใจถึงพระธรรมขณะนี้เลย ว่ามันไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่เรา อย่างไร มันเป็นแค่รูปธรรมกับนามธรรม ต้องอาศัยเวลามากในการอธิบาย ทีละอย่าง ทีละอย่าง แต่ก็พยายามให้เห็นถึงขณะนี้บ่อยๆ
ท่านอาจารย์ คุณแอ๋วคะ ไม่ทราบว่ามีแม่ชีอย่างคุณหมอบ้างไหม ในสำนักแม่ชี ที่เข้าใจธรรมะ
คุณแอ๋ว ไม่มีค่ะ มีแต่ว่า ไม่เข้าใจก็ยอมไม่เข้าใจต่อไป ไม่เปิดใจค่ะ
ท่านอาจารย์ พอเข้าใจธรรมะ จะรู้ว่าอะไรมีค่ากว่านั้น
อ.อรรณพ (เมื่อเข้าใจธรรมะแล้ว) ก็จะไม่อยู่เพื่อทำลายพระพุทธศาสนาต่อไป
คุณแอ๋ว ในเมื่อเราเป็นแม่ชี เราเห็นพระก็เป็นแบบนี้ แล้วเราจะออกจากวัดไปทำไม เราก็อยู่ในวัดไปเลย เขาก็จะคิดอย่างนี้ ในเมื่อพระภิกษุยังเป็นเลย ไม่รู้จะไปไหน ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ผิด อาทิเช่น พระที่รับสังฆทาน แล้วปัจจัยก็ไม่ได้เอาไปลงส่วนรวม ปีหนึ่งได้ตำแหน่งพระครู พอปีถัดไปก็ได้ตำแหน่งเป็นพระปลัด ขึ้นอีกปีละขั้น แต่นั่งรับสังฆทาน ไม่ได้เรียนพระธรรมวินัย ไม่ได้เรียนพระบาลี ถึงเวลาต้องเข้าห้องไปเรียนก็หลบเสีย แล้วมานั่งรับสังฆทาน วันหนึ่งได้ปัจจัยหนึ่งหมื่น ถึงหมื่นห้า ใครจะสึก? ก็ยังหน้าระรื่นอยู่ในวัด แล้วยังห่มผ้าเหลืองด้วย
โปรดติดตามบันทึกการสนทนาฉบับเต็มได้ที่ลิงค์นี้ :
ขออนุโมทนาครับ
กราบอนุโมทนาครับ
อนุโมทนาครับ