อรรถกถาสูตรที่ ๔ ประวัติพระวังคีสเถระ
โดย บ้านธัมมะ  16 ต.ค. 2564
หัวข้อหมายเลข 38359

[เล่มที่ 32] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 414

อรรถกถาสูตรที่ ๔

ประวัติพระวังคีสเถระ


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 32]



ความคิดเห็น 1    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 2 ก.พ. 2565

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 414

อรรถกถาสูตรที่ ๔

ประวัติพระวังคีสเถระ

พึงทราบวินิจฉัยในสูตรที่ ๔ (เรื่องพระวังคีสะ) ดังต่อไปนี้.

ด้วยบทว่า ปฏิภาณวนฺตานํ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงว่า พระวังคีสะเถระเป็นยอดของเหล่าภิกษุ ผู้มีปฏิภาณสมบูรณ์ ได้ยินว่า พระเถระนี้เมื่อเข้าไปเฝ้าพระทศพลตั้งแต่คลองแห่งจักษุ ก็กล่าวสรรเสริญคุณพระศาสดา อุปมากับพระจันทร์ อุปมากับพระอาทิตย์ กับอากาศ กับมหาสมุทร กับพระยาช้าง กับพระยามฤคสีหะ หลายร้อยหลายพันบท จึงเข้าเฝ้า เพราะฉะนั้น ท่านจึงเป็นยอดของเหล่าภิกษุผู้มีปฏิภาณ. ในปัญหากรรมของท่าน มีเรื่องที่จะกล่าวความตามลำดับ ดังต่อไปนี้.

ได้ยินว่า ครั้งพระพุทธเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตระ พระเถระแม้รูปนี้ ถือปฏิสนธิในครอบครัวที่มีโภคสมบัติมาก ในกรุงหงสวดี ไปวิหารฟังธรรมโดยนัยก่อน นั่นแล เห็นพระศาสดา ทรงสถาปนาภิกษุรูปหนึ่งไว้ในตำแหน่ง เป็นยอดของเหล่าภิกษุ ผู้มีปฏิภาณ จึงกระทำกุศลกรรมแด่พระศาสดา กระทำความปรารถนาว่า ในอนาคตกาล แม้ข้าพระองค์ พึงเป็นยอดของเหล่าภิกษุ ผู้มีปฏิภาณ เป็นผู้อันพระศาสดาทรงพยากรณ์แล้ว กระทำกุศลจนตลอดชีพเวียนว่ายอยู่ในเทวดา และมนุษย์ ในพุทธุปบาทกาลนี้ ก็มาบังเกิดในครอบครัวพราหมณ์ กรุงสาวัตถี ญาติทั้งหลายขนานนามว่า


ความคิดเห็น 2    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 2 ก.พ. 2565

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 415

วังคีสมาณพ. ท่านเจริญวัยแล้วเรียนไตรเพท ทำให้อาจารย์ชอบใจแล้ว ศึกษามนต์ชื่อว่า ฉวสีสมนต์ มนต์รู้ศีรษะคน เอาเล็บเคาะหัวศพแล้วก็รู้ว่า สัตว์นี้บังเกิดในกำเนิดชื่อโน้นๆ พราหมณ์ทั้งหลายทราบว่า มนต์นี้เป็นทางสำหรับเราเลี้ยงชีพ จึงให้วังคีสมาณพนั่งในรถ ที่ปกปิดแล้ว ไปยังคามนิคม และราชธานีทั้งหลาย หยุดที่ประตูเมือง หรือประตูนิคม ทราบว่ามหาชนมาชุมกันแล้ว แล้วก็พูดว่าผู้ใดเห็นวังคีสะผู้นั้นจะได้ทรัพย์ หรือได้ยศ หรือได้ไปสวรรค์ ดังนี้ชนเป็นอันมาก ฟังถ้อยคำของพราหมณ์เหล่านั้นแล้ว ให้สินจ้างต้องการจะดู พระราชาและอำมาตย์ของพระราชา ไปยังสำนักของพราหมณ์เหล่านั้น ถามว่า คุณวิเศษ คือการรู้ของอาจารย์เป็นอย่างไร ท่านทั้งหลายไม่รู้หรือ ชื่อว่าบัณฑิตอื่น ที่จะเหมือนกับอาจารย์ของพวกเรา ไม่มี ในชมพูทวีปทั้งสิ้น ให้บุคคลนำศีรษะของคนแม้ตายไปแล้ว ๓ ปี เอาเล็บเคาะก็รู้ว่า สัตว์นี้ไปเกิดในที่โน้น ฝ่ายวังคีสะเพื่อจะตัดความสงสัยของมหาชนจึงให้นำชนเหล่านั้นมา แล้วให้บอกคติของตนๆ อาศัยเหตุนั้น ได้ทรัพย์จากมือของมหาชนร้อยหนึ่งบ้าง พันหนึ่งบ้าง.

พวกพราหมณ์พาวังคีสะมาณพเที่ยวไป ตามชอบใจแล้ว ก็มาถึงกรุงสาวัตถีอีก วังคีสะ อยู่ในที่ไม่ไกลเชตวันมหาวิหาร คิดว่าคนทั้งหลายพูดกันว่า พระสมณะโคดมเป็นบัณฑิต ก็แต่ว่าเราไม่ควรจะเที่ยวไปกระทำ ตามคำของพราหมณ์เหล่านี้อย่างเดียวทุกเวลา เราควรไปสำนักของบัณฑิตทั้งหลายบ้าง วังคีสมาณพนั้น กล่าวกะพราหมณ์ทั้งหลายว่า ท่านทั้งหลายจงไปเถิด เราจะไม่ไปเฝ้าพระสมณะโคดมกับใครเป็นอันมาก พราหมณ์เหล่านั้นบอกว่า


ความคิดเห็น 3    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 2 ก.พ. 2565

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 416

วังคีสะท่านอย่าชอบใจเฝ้าพระสมณะโคดมเลย เพราะคนใดเห็นพระสมณะนั้น พระสมณะนั้นก็จะกลับใจบุคคลนั้น ด้วยมายากล วังคีสะไม่เชื่อถือถ้อยคำของพราหมณ์เหล่านั้น ไปเฝ้าพระศาสดา กระทำปฏิสัณฐานด้วยคำอันไพเราะ นั่ง ณ ที่สมควรส่วนหนึ่ง.

ครั้งนั้นพระศาสดาถามเธอว่า วังคีสะ เธอรู้ศิลปะอะไร วังคีสะทูลตอบว่า พระเจ้าข้า ข้าพระองค์รู้ฉวสีสมนต์ พระศาสดาตรัสถามว่า มนต์นั้นทำอะไร วังคีสะทูลว่า ร่ายมนต์นั้นแล้ว เอาเล็บเคาะศีรษะของคน แม้ตายไปแล้วถึง ๓ ปี ก็รู้ที่เขาเกิดพระเจ้าข้า พระศาสดาทรงแสดง ศีรษะของคนที่เกิดในนรกศีรษะหนึ่ง แก่วังคีสะนั้น ของคนเกิดในมนุษย์ศีรษะหนึ่ง ของคนเกิดในเทวโลกศีรษะหนึ่ง แสดงศีรษะของผู้ปรินิพพานแล้วศีรษะหนึ่ง วังคีสะนั้นเคาะศีรษะแรก กราบทูลว่า ท่านพระโคดม สัตว์นี้ไปสู่นรก พระศาสดาตรัสตอบว่า สาธุ สาธุ ท่านเห็นดีแล้ว แล้วตรัสถามว่าสัตว์นี้ไปไหน วังคีสะ ไปสู่มนุษยโลก ท่านพระโคดม สัตว์นี้ล่ะไปไหน วังคีสะทูลว่า สัตว์นี้ไปเทวโลก พระเจ้าค่ะ เขากราบทูลถึงสถานที่ไปของคนทั้ง ๓ พวก ด้วยประการฉะนี้ แต่เมื่อเอาเล็บเคาะศีรษะ ของผู้ปรินิพพาน ก็ไม่เห็นทั้งปลายทั้งต้น. ทีนั้น พระศาสดาจึงตรัสถาม วังคีสะนั้นว่า ท่านไม่อาจเห็นหรือวังคสะ วังคีสะมาณพทูลว่า เห็นซิท่านพระโคดม ข้าพระองค์ของสอบสวนดูก่อน แล้วพลิกกลับไปกลับมา วังคีสะจักรู้คติของพระขีณาสพ ด้วยมนต์ของลัทธิภายนอกได้อย่างไร เมื่อเป็นเช่นนั้น เหงื่อก็ผุดออกจากหน้าผากของเขา เขาละอายแล้วยืนนิ่ง ครั้งนั้น พระศาสดาตรัสกะเขาว่า ลำบากหรือวังคีสะ วังคีสะทูลว่า พระเจ้าข้า ท่านโคดมข้าพระองค์ไม่รู้ที่ไปของสัตว์นี้ ถ้าพระองค์ทราบ


ความคิดเห็น 4    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 2 ก.พ. 2565

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 417

ขอจงตรัสบอกเถิด พระศาสดาตรัสว่า วังคีสะ เรารู้แม้ศีรษะนี้ แม้ยิ่งกว่านี้ก็รู้ ดังนี้แล้วได้ภาษิตพระคาถา ๒ คาถา นี้ในพระธรรมบทว่า

จุตึ โย เวทิ สตฺตานํ อุปปตฺตึ จ สพฺพโส

อสตฺตึ สุคตํ พุทฺธํ ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ

ยสฺส คตึ น ชานนฺติ เทวา คนฺธพฺพมานุสา

ขีณาสวํ อรหนฺตํ ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณนฺติ.

ผู้ใดรู้จุติและอุปบัติ ของสัตว์ทั้งหลายโดยประการทั้งปวง เราเรียกผู้นั้น ผู้ไม่ข้องอยู่แล้ว ไปดีแล้ว รู้แล้วว่าเป็นพราหมณ์.

เทพคนธรรพ์และมนุษย์ ไม่ทราบคติของผู้ใด เราเรียกผู้นั้น ผู้มีอาสวะสิ้นแล้ว ผู้เป็นพระอรหันต์ ว่าเป็นพราหมณ์ ดังนี้.

แต่นั้น วังคีสะทูลว่า ท่านโคดม ผู้แลกวิชากับวิชาไม่มีความเสื่อม ข้าพระองค์จักถวายมนต์ที่ข้าพระองค์รู้แด่พระองค์ พระองค์ได้โปรดตรัสบอกมนต์นั้น แก่ข้าพระองค์ พระศาสดาตรัสว่า วังคีสะเราจะไม่แลกมนต์ด้วยมนต์ เราจะให้อย่างเดียวเท่านั้น วังคีสะทูลว่า ดีละท่านโคดม ขอจงโปรดประทานแก่ข้าพระองค์เถิด แล้วแสดงความนอบน้อมนั่งกระทำประณมมือแล้ว พระศาสดาตรัสว่า วังคีสะเมื่อสมัยท่านเรียนมนต์อันมีค่ามาก หรือมนต์อะไรๆ ไม่ต้องมีการอยู่อบรมหรือ วังคีสะ ไม่มีดอกท่านโคดม พระศาสดาตรัสว่า ท่านจะสำคัญว่า มนต์ของเราไม่มีการอบรมหรือ ขึ้นชื่อว่า พราหมณ์


ความคิดเห็น 5    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 2 ก.พ. 2565

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 418

ทั้งหลาย ย่อมเป็นผู้ไม่อิ่มด้วยมนต์ เพราะฉะนั้น วังคีสะนั้น จึงกราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ท่านพระโคดม ข้าพระองค์ก็จักกระทำข้อกำหนดที่พระองค์ตรัสไว้ พระศาสดาตรัสว่า วังคีสะ เราเมื่อจะให้มนต์นี้ ย่อมให้แก่ผู้ที่มีเพศเสมอกันกับเรา วังคีสะ กล่าวกะพราหมณ์ทั้งหลายว่า ข้าพเจ้าควรกระทำกิจอย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว ไปเรียนมนต์นี้ วังคีสะกล่าวว่า ท่านทั้งหลาย เมื่อข้าพเจ้าบวชแล้ว ก็อย่าคิดเลย ข้าพเจ้าเรียนมนต์แล้วจักเป็นผู้ยิ่งใหญ่ทั่วชมพูทวีป เมื่อเป็นเช่นนั้น แม้ท่านทั้งหลายก็จักมีความเจริญด้วย จึงบวชในสำนักพระศาสดาเพื่อเรียนมนต์.

พระศาสดาตรัสว่า ท่านจงอยู่อบรมเพื่อเรียนมนต์ก่อน แล้วตรัสบอกอาการ ๓๒ สัตว์ผู้มีปัญญา เมื่อสาธยายอาการ ๓๒ อยู่ ก็เริ่มตั้งความสิ้นไป และความเสื่อมไปในอาการ ๓๒ นั้น เจริญวิปัสสนาแล้วบรรลุพระอรหัต เมื่อท่านบรรลุพระอรหัตแล้ว พวกพราหมณ์ทั้งหลาย ในสำนักของท่าน ด้วยคิดว่า วังคีสะ จะเป็นอย่างไรหนอ เราจักไปเยือนเธอถามว่า ท่านวังคีสะ ท่านเรียนศิลปะในสำนักของพระสมณโคดมแล้วหรือ ว. เออเราเรียนแล้ว พ. ถ้าอย่างนั้นมาเถอะ เราจะไปกัน ว. ท่านจงไปกันเถอะ กิจที่จะไปกับท่านเราทำเสร็จแล้ว พราหมณ์ทั้งหลายกล่าวว่า พวกเราบอกท่านไว้ก่อนแล้วเทียวว่า พระสมณะโคดม จะทำคนผู้ที่มาหาตนให้กลับใจด้วยมายากล บัดนี้ตัวท่านอยู่ในอำนาจของพระสมณะโคดมแล้ว พวกเราจักทำอะไรในสำนักของท่าน ต่างพากันหลีกไปแล้ว ตามทางที่มา นั้นแหละ ฝ่ายพระวังคีสะเถระไปเฝ้าพระทศพลเวลาใดๆ ก็ไปกระทำความสดุดีอย่างหนึ่ง ในเวลานั้นๆ ด้วยเหตุนั้นพระ-


ความคิดเห็น 6    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 2 ก.พ. 2565

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 419

ศาสดาประทับนั่ง ณ ท่ามกลางพระสงฆ์ทรงสถาปนาท่านไว้ ในตำแหน่งเป็นยอดของเหล่าภิกษุ ผู้มีปฏิภาณ.

จบ อรรถกถาสูตรที่ ๔