ถ. บางอาจารย์กล่าวว่า ความเกิดดับของรูปนามนี้ เราจะต้องดูรูปนั่ง รูปยืนให้มีสติติดต่อกัน ถ้าสามารถไม่ให้อภิชฌาและโทมนัสเข้ามาได้ก็ยิ่งเป็นผลดี เพื่อจะได้เห็นรูปนามเกิดดับเร็วเข้า ลักษณะของรูปนามที่เกิดดับนี้ท่านบอกชัดว่า ดูรูปนั่งจนสันตติขาด สันตติขาดนี้หมายความว่า ตัวสติที่ไปกำหนดอารมณ์รูปนั่ง นั่งก็ยังนั่งอยู่ สติที่ไปกำหนดก็คุมอยู่ แต่เมื่อขาดลงต่อหน้า ดับวูบลงไปต่อหน้า อุปมาเหมือนกับเดินไปที่ขั้นกระได ลงกระไดไป ๒ - ๓ ขั้น แต่ก้าวพลาดลงไปขั้นที่ ๓ ทำให้ตกใจวูบลงไป ลักษณะอย่างนี้คนที่เห็นรูปนามดับก็ฉันนั้น รูปนามที่ดับนี้หมายความว่า ดับต่อหน้า ทั้งสติที่เป็นนามธรรมก็ดับ รูปที่ถูกกำหนด คือ อารมณ์ก็ดับ นี่เป็นการเห็นรูปนามเกิดดับ
สุ. การรู้ลักษณะของสภาพนามธรรม และรูปธรรมที่เกิดดับ ถ้าไม่กระจัดกระจายฆนะ การรวมเป็นกลุ่มเป็นก้อนจะรู้ได้ไหม ข้อที่ควรจะคิด ถ้าจะกล่าวถึงอุทยัพพยญาณ หรือญาณที่สูงกว่าอุทยัพพยญาณก็ตาม ทำไมไม่ระลึกถึงญาณขั้นต้น คือ นามรูปปริจเฉทญาณว่า แม้แต่นามรูปปริจเฉทญาณนั้นรู้อะไร ที่กล่าวว่าเป็นญาณ แม้ในขั้นต้น คือ นามรูปปริจเฉทญาณ รู้ลักษณะที่ต่างกันของนามธรรมและรูปธรรมทางตา ถ้ากำลังเห็น ก็มีนามธรรมมีรูปธรรม ทางหูที่กำลังได้ยินตามปกติ แต่ผู้นั้นอบรมอินทรีย์ที่จะเป็นนามรูปปริจเฉทญาณ รู้ลักษณะที่ต่างกันของนามธรรมกับรูปธรรม แต่ผู้ที่กำลังจดจ้องที่จะรู้รูปนั่งซึ่งไม่ได้กระจัดกระจายฆนะ แตกแยกการรวมกันเป็นก้อนเป็นแท่งออกเลย เพียงแค่นามรูปปริจเฉทญาณ ผู้นั้นรู้รูปอะไร รู้นามอะไร รู้แต่ที่รูปนั่ง ไม่มีลักษณะของรูปตามปกติธรรมดาที่ปรากฏทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ แล้วก็รู้นามอะไรในขณะนั้น
นามรูปปริจเฉทญาณต้องรู้ลักษณะที่ต่างกันของนามธรรมและรูปธรรม แต่ละคนไม่เหมือนกัน แล้วแต่ความสมบูรณ์ของญาณในขณะนั้นจะเกิดขึ้น กำลังมีสิ่งใดปรากฏเป็นรูป กำลังมีสิ่งใดปรากฏเป็นนาม จะรู้ชัดในลักษณะของนามและรูปทางมโนทวาร
กำลังนั่ง เห็นไหม ได้ยินไหม คิดนึกไหม เย็น ร้อน อ่อน แข็งปรากฏไหม มีสิ่งที่ปรากฏในขณะที่กำลังนั่ง ต้องเป็นสิ่งที่มีลักษณะปรากฏให้รู้
วิสุทธิมรรค ปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธินิเทส มีข้อความว่า
ลักษณะไม่ปรากฏ เพราะไม่มนสิการอะไร อะไรปิดบังไว้
ตอบว่า อนิจจลักษณะไม่ปรากฏ เพราะไม่มนสิการถึงความเกิดขึ้น และความดับไป และเพราะสันตติบังไว้
ทุกขลักษณะไม่ปรากฏ เพราะไม่มนสิการถึงการบีบคั้นเนืองๆ และอิริยาบถปิดบังไว้
อนัตตลักษณะไม่ปรากฏ เพราะไม่มนสิการถึงการแยกธาตุต่างๆ และเพราะ ฆนะปิดบังไว้
เมื่อมนสิการความเกิด และความดับแล้ว เพิกสันตติ อนิจจลักษณะก็ปรากฏ โดยสภาวะตามความเป็นจริง
มาจากพยัญชนะที่ว่า สนฺตติยา วิโกปิตาย
เมื่อใฝ่ใจถึงความบีบคั้นเนืองๆ เพิกถอนอิริยาบถเสีย ทุกขลักษณะก็ปรากฏตามสภาพที่เป็นจริง
ความนี้มาจากพยัญชนะที่ว่า อิริยาปเถ อุคฺฆาฏิเต
เมื่อแยกธาตุต่างๆ แยกฆนะ คือ กลุ่มก้อนเสีย อนัตตลักษณะก็ปรากฏตามสภาพที่เป็นจริง
ความนี้มาจากพยัญชนะที่ว่า ฆนวินิพฺโพเค กเต
ที่ว่าเพิกอิริยาบถ หมายถึงในขณะที่ไม่เปลี่ยนอิริยาบถ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน อิริยาบถ แต่กระจัดกระจายฆนะ ความเป็นกลุ่มก้อน ไม่ให้อิริยาบถปิดบัง ก็จะประจักษ์ความเกิดขึ้นและดับไปซึ่งเป็นทุกข์
ยังควบคุมรวมกลุ่มกันเป็นก้อนเป็นแท่ง ที่จะไม่ให้ยึดถือว่าเป็นตัวตน สัตว์ บุคคลนั้น เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลย
สำหรับการเจริญสติปัฏฐานก็เป็นปกติชีวิตธรรมดาจริงๆ การเห็นที่ทุกคนเห็นในวันนี้ ก็มีเหตุปัจจัยในอดีตที่จะทำให้เห็น ที่จะทำให้ได้ยิน ที่จะทำให้เป็นสุข เป็นทุกข์ต่างๆ มีเหตุปัจจัยที่สะสมมา เพราะฉะนั้น เพียงสติเกิดขึ้นระลึกรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริงโดยที่ไม่ต้องไปฝืนเป็นอีกบุคคลหนึ่ง หรือว่าไปเปลี่ยนแปลงทำอะไรขึ้น สร้างอะไรขึ้น ซึ่งไม่ใช่เป็นการระลึกรู้ลักษณะของนามและรูปที่กำลังปรากฏตามปกติ
ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...
แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 110