พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 328
ว่าด้วยการแผ่เมตตาให้สัตว์ทั้งปวง
เมตตสูตร
[๑๐] กิจนั้นใด อันพระอริยะบรรลุบทอันสงบ
ทำแล้ว กิจนั้นอันกุลบุตรผู้ฉลาดพึงทำ
กุลบุตรนั้น พึงเป็นผู้อาจหาญ ตรงและตรงด้วยดี
พึงเป็นผู้ว่าง่าย อ่อนโยน ไม่มีอติมานะ
พึงเป็นผู้สันโดษ เลี้ยงง่าย เป็นผู้มีกิจน้อย
ประพฤติเบากายจิต
พึงเป็นผู้มีอินทร์สงบ มีปัญญารักษาตัว เป็น
ผู้ไม่คะนอง ไม่ติดในสกุลทั้งหลาย วิญญูชนติเตียนชนทั้งหลายอื่นได้ ด้วยกรรม
ลามกอันได้ ก็ไม่พึงประพฤติกรรมอันลามกนั้น
พึงแผ่ไมตรีจิตไปในหมู่สัตว์ว่า ขอสัตว์ทั้งปวง
จงเป็นผู้มีสุข มีความเกษม มีตนถึงความสุขเถิด
สัตว์มีชีวิตทั้งหลาย เหล่าใดเหล่าหนึ่งมีอยู่ ยัง
เป็นผู้สะดุ้ง [มีตัณหา] หรือเป็นผู้มั่นคง [ไม่มีตัณหา]
ทั้งหมดไม่เหลือเลย.
เหล่าใดยาวหรือใหญ่ ปานกลางหรือนั้น ผอม
หรืออ้วน. เหล่าใดที่เราเห็นแล้ว หรือมิได้เห็น เหล่าใด
อยู่ในที่ไกลหรือไม่ไกล ที่เกิดแล้ว หรือที่แสวงหา
ภพเถิด. ขอสัตว์ทั้งปวงเหล่านั้น จงเป็นผู้มีตนถึงความ
สุขเถิด.
สัตว์อื่นไม่พึงข่มเหงสัตว์อื่น ไม่พึงดูหมิ่นอะไรๆ
เขา ไม่ว่าในที่ไรๆ เลย ไม่พึงปรารถนาทุกข์แก่กัน
และกัน เพราะความกริ้วโกรธ และเพราะความคุม
แค้น.
มารดาถนอมบุตรคนเดียวผู้เกิดในตน ด้วยชีวิต
ฉันใด พึงเจริญเมตตามีในใจไม่มีประมาณ ในสัตว์
ทั้งปวง แม้ฉันนั้น พึงเจริญเมตตามีในใจไม่มีประมาณ ในโลก ทั้งปวง ทั้งเบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องขวาง เป็นธรรม อันไม่คับแค้น ไม่มีเวร ไม่มีศัตรู.
ผู้เจริญเมตตานั้น ยืนก็ดี เดินก็ดี นั่งก็ดี นอน ก็ดี เป็นผู้ปราศจากความง่วงนอน [คือไม่ง่วงนอน]
เพียงใด ก็พึงตั้งสตินั้นไว้เพียงนั้น.
ปราชญ์ทั้งหลายเรียกการอยู่นี้ว่า พรหมวิหาร
ในพระศาสนานี้.
มีเมตตา ไม่เข้าถึงทิฏฐิ [สักกายทิฏฐิ] เป็นผู้
มีศีล ถึงพร้อมด้วยทัสสนะ [สัมมาทิฏฐิในโสดาปัตติ
มรรค] นำความหมกมุ่นในกามทั้งหลายออกไปได้ ก็
ย่อมไม่เข้าถึงการนอนในครรภ์อีก โดยแท้แล.
จบเมตตสูตร
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ