ถ้าพูดถึงเรื่องใจของเราเราก็บริสุทธิ์เต็มที่แล้ว หากิเลสตัวใดมาแทรกไม่มีแล้วเวลานี้ ถึงจะประกาศเป็นว่าเรานี้คือพระอรหันต์องค์หนึ่งก็จะผิดไปไหนถ้าจะพูด พระพุทธเจ้ายังพูดได้ ครั้งพุทธกาลยังพูดได้ ธรรมอันเดียวกัน ผู้รู้ผู้เห็นธรรม ธรรมแบบเดียวกัน ทำไมเราจะพูดไม่ได้ กิเลสตัวไหนจะมาเย็บปากหลวงตาบัวให้มันมาเย็บ จะฟาดให้มันหงายลงไปเลย เราปฏิบัติเราแทบเป็นแทบตายเราก็รับรู้ของเรา ผลรายได้มากน้อยเพียงไรเรารู้ของเรา ความบริสุทธิ์วิมุตติหลุดพ้นเราก็เห็นในหัวใจของเราแล้วจะนำออกมาพูดไม่ได้เหรอ จะให้แต่กิเลสมันเย็บปากไว้หมดเหรอ ไม่เชื่อถือกันหาว่าโอ้อวดเหรอ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ผู้ที่บรรลุธรรมสิ้นกิเลสแล้ว ย่อมเป็นผู้มักน้อยแม้การบรรลุธรรม ไม่อยากให้คนอื่นรู้ ยกเว้นแต่พระพุทธเจ้าที่ทรงแสดงเพื่อให้ผู้อื่นเกิดศรัทธาในคุณของพระองค์และแสดงกับผู้ที่สะสมปัญญามาด้วย พระองค์รู้ว่าใครจะควรแสดง ไม่ควรแสดง ที่จะประกาศคุณของพระองค์ ไม่ใช่กับคนทั่วๆ ไป และ พระอริยสาวกทั้งหลาย เมื่อบรรลุธรรมแล้ว ก็ประกาศคุณของท่านกับพระพุทธเจ้า ไม่ใช่กับคนทั่วๆ ไปเช่นกันครับ ซึ่งข้อความในอรรถกถา มหาสมัยสูตร แสดงไว้ดังนี้ครับ
ข้อความจาก
อรรกถา มหาสมัยสูตร
ได้ยินว่า สำหรับพวกผู้สิ้นอาสวะ (กิเลส) แล้วย่อมมีอาการสองอย่าง คือ
๑. เกิดความคิดว่า ชาวโลกพร้อมกับเทวดาจะพึงรู้แจ้งแทงตลอดคุณวิเศษที่เราได้เฉพาะแล้ว พลันทีเดียว
๒. ไม่ประสงค์จะบอกคุณที่ตนได้แล้วแก่ผู้อื่น เหมือนคนที่ได้ขุมทรัพย์ฉะนั้น.
นี่แสดงความจริงของผู้บรรลุธรรมที่แท้จริง ดังนั้น การกล่าวคำใด ไม่ใช่การกล่าวอ้างว่าพระพุทธเจ้าก็ทำ แต่ตนเองเป็นใคร และ พระอริยสาวกทั้งหลาย ยิ่งมีคุณธรรมมากเท่าใด ย่อมมักน้อยแม้การบรรลุธรรม ไม่ประกาศคุณให้คนทั่วไปได้รู้เลย เหมือนคนมีขุมทรัพย์ไม่ปรารถนาให้คนอื่นรู้ฉะนั้น
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ถ้าไม่ตรงตามพระธรรมวินัย ไม่ได้ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ ไม่ได้ดำเนินหนทางแห่งการอบรมเจริญปัญญา คิดธรรมเอาเอง ความเข้าใจที่ถูกต้องย่อมเกิดขึ้นไม่ได้ ก็คงไม่กล่าวถึงการบรรลุเป็นพระอริยบุคคล และ ยุคนี้ไม่ใช่ยุคที่มีพระอรหันต์ในโลกมนุษย์
ดังนั้น เมื่อมีความเข้าใจที่ถูกต้อง ก็จะไม่ถูกหลอกจากคำของบุคคลอื่น เพราะมีพระธรรมเป็นที่พึ่ง ยิ่งทำให้เป็นผู้มีเหตุมีผล ไม่หลงเชื่ออะไรง่ายๆ ครับ
...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...
ขอถวายความนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออัญเชิญข้อความบางตอน จาก พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - มุสาวาทวรรค สิกขาบทที่ ๘ หน้าที่ ๑๙๙ ว่า
พระบัญญัติ
๕๗. ๘. อนึ่ง ภิกษุใดบอกอุตริมนุสธรรมแก่อนุปสัมบัน เป็นปาจิตตีย์ เพราะมีจริง.
คำว่า อุตริมนุสธรรม ได้แก่ คุณธรรมที่เหนือมนุษย์ ได้แก่ ฌาน มรรคผล
คำว่า อนุปสัมบัน ในสิกขาบทนี้ หมายถึง ผู้ที่มิได้เป็นภิกษุ ภิกษุณี (สมัยนี้ไม่มีภิกษุณีแล้ว)
แม้สมัยพระพุทธองค์ทรงพระชนม์อยู่ ในสิกขาบทที่กล่าวถึงนี้ แม้แต่ภิกษุ ถ้าบอกอุตริมนุสธรรมแก่อนุปสัมบัน ยังต้องเป็นอาบัติ (โทษที่ล่วงละเมิดพระบัญญัติ) เพราะมีจริง คือ มิได้กล่าวเท็จ กล่าวคุณวิเศษที่มีจริง ยังต้องอาบัติปาจิตตีย์ (อาบัติประเภท หนึ่งใน อาบัติ ๗ กอง) คำที่ไม่จริงหรือคำมุสาวาทไม่ต้องกล่าวถึง ถ้ามุสาวาทต้องอาบัติปาราชิกขาดจากความเป็นภิกษุโดยสิ้นเชิง แต่สมัยนี้หลังพระพุทธองค์เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว ย่างเข้า ๑๐๐๐ ปีที่ ๓ แล้วไม่มีผู้ที่จะมีคุณธรรมบรรลุเป็นพระอรหันต์
อ้างอิงความคิดเห็นที่ 3
พระพุทธองค์ เปรียบเหมือนเจ้าของพระศาสนา การกระทำของผู้ที่เป็นพระบรมศาสดาเหนือเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย จึงไม่มีข้อที่จะพึงติเตียนได้โดยประการใด แต่ภิกษุในธรรมวินัยไม่ว่าจะเป็นพระเถระ ภิกษุบวชใหม่ ภิกษุปูนปานกลาง ต้องประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัยที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติ เคารพในสิกขาบททั้งหลาย
หลังพระพุทธองค์เสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน ใน ๑๐๐๐ ปีที่ ๓ (พ.ศ. ๒๐๐๐ - ๓๐๐๐) ไม่มีผู้บรรลุคุณธรรมสูงสุดถึงความเป็นพระอรหันต์ในโลกมนุษย์
กราบอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านครับ
ขออนุโมทนาครับ
กราบขอบพระคุณอาจารย์ทุกท่าน และขออนุโมทนาในกุศลจิต
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
หากไม่ได้มีบุญก็ไม่ได้พบและศึกษาพระพุทธศาสนา และหากไม่ได้พบท่านผู้รู้แจ้งธรรมที่แท้จริง เราก็จะถูกหลอก
กราบแทบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์บริหารวนเขตต์ที่เคารพยิ่งเหนือเกล้า
กราบอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ
ขออนุโมทนาครับ