๑๓. อักขรุกขเปตวัตถุ
โดย บ้านธัมมะ  17 พ.ย. 2564
หัวข้อหมายเลข 40391

[เล่มที่ 49] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้า 585

มหาวรรคที่ ๔

๑๓. อักขรุกขเปตวัตถุ


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 49]



ความคิดเห็น 1    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 26 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้า 585

๑๓. อักขรุกขเปตวัตถุ

ภุมมเทวดาตนหนึ่งได้กล่าวเตือนอุบาสกคนหนึ่งว่า

[๑๓๓] บุคคลให้สิ่งใด สิ่งนั้นย่อมไม่มี แต่ผลอย่างอื่นที่น่าปรารถนา น่าใคร่มีมาก เพราะฉะนั้น ท่านจงให้ทาน แล้วท่านจักพ้นจากทุกข์และความฉิบหาย ทั้งจักได้ประสบสุขอันเป็นไปในปัจจุบันและสัมปรายภพเพราะทานนั้น ขอท่านจงตื่น เถิดอย่าได้ประมาท.

จบ อักขรุกขเปตวัตถุที่ ๑๓

อรรถกถาอักขรุกขเปตวัตถุที่ ๑๓

เรื่องอักขทายกเปรตนี้ มีคำเริ่มต้นว่า ยํ ททาติ น ตํ โหติ ดังนี้. เรื่องนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร?

เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ในกรุงสาวัตถี มีอุบาสกชาวเมืองสาวัตถีคนหนึ่ง เอาเกวียนหลายเล่มบรรทุกสินค้าไปขายต่างประเทศ ขายสินค้าของตนในประเทศนั้นแล้ว ก็ซื้อเอาสินค้าต่างประเทศกลับมา เดินทางมุ่งไปกรุงสาวัตถี. เมื่ออุบาสกนั้นกำลังเดินทางเพลาเกวียนเล่มหนึ่งหักในดง. ลำดับนั้น บุรุษคนหนึ่งได้เอาผึ่งและขวานเพื่อจะตัดไม้ ออกจากบ้านตน เที่ยวไปในป่า ถึงที่นั้น พบอุบาสกนั้นผู้ถึงความโทมนัส เพราะเพลาเกวียนหัก


ความคิดเห็น 2    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 26 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้า 586

จึงคิดว่า พ่อค้านี้มาลำบากในดง เพราะเพลาเกวียนหัก อาศัยความอนุเคราะห์ จึงตัดท่อนไม้มาดามเพลาเกวียนให้มั่นคงแล้ว ประกอบเกวียนให้ไป.

สมัยต่อมา บุรุษนั้นทำกาละแล้ว บังเกิดเป็นภุมมเทวดาอยู่ในดงนั้นนั่นแหละ พิจารณาถึงกรรมของตน ในเวลาราตรี จึงไปเรือนของอุบาสกนั้น ยืนอยู่ที่ประตูเรือนกล่าวคาถาว่า :-

บุคคลให้สิ่งใด สิ่งนั้นย่อมไม่มี แต่ผลอย่างอื่นที่น่าปรารถนา น่าใคร่มีมาก เพราะฉะนั้น ท่านจงให้ทานแล้ว ท่านจักพ้นจากทุกข์และความฉิบหาย ทั้งจักได้ประสบสุขอันเป็นไปในปัจจุบันและสัมปรายภพเพราะทานนั้น ขอท่านจงตื่นเถิด อย่าประมาทเลย.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ยํ ททาติ น ตํ โหติ ความว่า ทายกย่อมให้ไทยธรรมใด ไทยธรรมนั้นแหละย่อมไม่มีโดยความเป็นผลแห่งทานนั้น ในปรโลก, โดยที่แท้ ทานอย่างอื่นที่มีผลน่าปรารถนา น่าใคร่ ก็มีอยู่มากทีเดียว เพราะฉะนั้น พวกท่านจงให้ทานนั่นแหละ คือ จงให้ทานโดยประการใดประการหนึ่งทีเดียว. ภุมมเทวดากล่าวเหตุในข้อนั้นว่า ครั้นให้แล้ว ย่อมพ้นจากทุกข์และความฉิบหายทั้งสอง, อธิบายว่า ครั้นให้ทานแล้ว ย่อมพ้นทุกข์และความพินาศทั้งปัจจุบัน ทั้งสัมปรายภพ. ในข้อว่า อุภยํ เตน ทาเนน คจฺฉติ นี้ พึงประกอบความดังนี้ว่า เพราะการ


ความคิดเห็น 3    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 26 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้า 587

ให้นั้น เขาย่อมเข้าถึง คือ ย่อมประสบสุขทั้ง ๒ คือ สุขในปัจจุบันและสุขในสัมปรายภพ ทั้งย่อมประกอบด้วยอำนาจหิตสุขทั้งแก่ตนและสังคม. บทว่า ชาครถ มา ปมชฺชถ ความว่า จงตื่นเพื่อยังทานอันห้ามอนัตถะทั้งสอง ยังประโยชน์ทั้งสองให้สำเร็จอย่างนี้ และจงจัดเตรียมอุปกรณ์ แล้วจงอย่าประมาทในทานนั้น. ก็ในที่นี้ เพื่อจะแสดงถึงความเอื้อเฟื้อ ท่านจึงกล่าวซ้ำ.

พ่อค้าพิจารณาถึงกิจของตนแล้ว กลับถึงกรุงสาวัตถี โดยลำดับ ในวันที่ ๒ จึงเข้าไปเฝ้าพระศาสดา ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่สมควรข้างหนึ่ง จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า. พระศาสดาทรงกระทำเรื่องนั้นให้เป็นอัตถุปปัตติเหตุ แล้วทรงแสดงธรรมแก่บริษัทผู้ถึงพร้อมแล้ว. เทศนานั้นได้มีประโยชน์แก่มหาชน ฉะนี้แล.

จบ อักขรุกขเปตวัตถุที่ ๑๓