ปรมัตถธรรม ๔ รูป จิต เจตสิก นิพพาน จำแนกได้เป็นขันธ์ ๕ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน อุปาทาน (ยึดถือ) ในขันธ์ เป็นเหตุแห่งทุกข์ มรรคคือแนวทางดับทุกข์ โดยเริ่มจากสัมมาทิฏฐิ ศึกษาธรรมจากพระไตรปิฎก เป็นปริยัติ แล้วจึงเข้าใจว่าแท้จริงแล้วในชีวิตประจำวันของเราเป็นไปตามเหตุปัจจัย บังคับบัญชาอะไรไม่ได้เลย การสะสมความเข้าใจถูก โดยศึกษาธรรมที่ตรง และจริงจากการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า จึงเห็นได้ด้วยตนเองว่า ธรรมเกิดขึ้นทำกิจของแต่ละสิ่งแล้วดับไปในทันที ทุกขณะเป็นเพียงทีละหนึ่งของกิจแต่ละจิต ยึดถือเป็นตัวเราไม่ได้เลย จิตขณะเห็นไม่ใช่จิตขณะฟัง และไม่ใช่จิตขณะสัมผัสเย็นร้อน อนัตตาเริ่มปรากฏตามความเห็นจริง ปัญญา สติ สมาธิ วิริยะ เริ่มทำกิจแทน โลภะ โทสะ โมหะ จึงถือเป็นการปฏิบัติ เพื่อการเข้าถึงนิโรธมรรค ยกระดับจิตสูงขึ้นจากชั้นกามภูมิ ไม่ติดข้องในความสุขชั้นกามวจรจิต
ความสุขในภูมิกามเช่นสุขจากการได้ของใหม่ เป็นสุขเวทนาที่เกิดแล้วดับ ยิ่งยึดถือยิ่งทุกข์ร้อนด้วยสัญญา และสังขารธรรมที่ร่วมปรุงแต่งจิต ให้ขุ่นมัว เป็นลักษณะติดข้องพอใจนิ่งเฉยในอารมณ์เป็นโลภมูลจิต ไม่พอใจผลักไส ตระหนี่ อิจฉาลังเล อาลัยอาวรณ์ในอารมณ์เป็นโทสมูลจิต และด้วยความไม่รู้ปกปิด บดบัง ในอารมณ์เป็นโมหมูลจิต ทั้งหลายล้วนรับอารมณ์ผ่าน ๖ ทวาร เป็นปัจจัยแห่งการเกิด กุศล อกุศล วิบาก กิริยา จิต ๔ ประเภทที่เกิดทำชวนกิจ สะสมเจตนา ในแต่ละภพชาติ วนเวียนเป็นสังสารวัฏฏ์ จิตที่ยกระดับจากการขัดเกลาตามแนวอริยมรรค ๘ จึงเป็นณานวิมุติ เข้าสู่โลกุตตรจิต มีนิพพานเป็นอารมณ์ เป็นวิปยุตธรรม แทน สัมปยุตธรรม
ผมเขียนขึ้นตามความเข้าใจหลังจากศึกษาและฟังธรรมจากมูลนิธิฯ ขอคำชี้แนะจากผู้รู้ด้วยครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระธรรมเป็นเรื่องละเอียดลึกซึ้ง ไม่ลืมคำว่าอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นสติและปัญญา ไม่สามารถเกิดเองได้ และ ง่ายๆ และที่สำคัญที่สุด ต้องไม่ลืมว่า มากไปด้วยกิเลส เพราะ ความเป็นปุถุชน การละกิเลส จึงเป็นเรื่องยาก เพียงแต่ค่อยๆ เข้าใจขั้นการฟังไป ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ที่เป็นเรื่องการอบรมปัญญาอย่างยาวนาน ครับ
ขออนุโมทนา
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ธรรมซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงนั้น ไม่พ้นไปจากสภาพธรรมที่เป็นนามธรรมกับรูปธรรม กล่าวคือ จิตทั้งหมดทุกประเภท เจตสิกซึ่งเป็นสภาพธรรมที่เกิดกับจิต รูปทั้งหมด และ พระนิพพาน เป็นธรรม เป็นสิ่งที่มีจริง ไม่เปลี่ยนแปลงลักษณะ เป็นจริงอย่างไร ก็เป็นจริงอย่างนั้น ที่สำคัญคือ เห็นประโยชน์ของพระธรรม ตั้งใจฟัง ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
พระอภิธรรมก็มีอยู่ในชีวิตประจำเป็นปกติเป็นธรรมดา เช่น ขณะเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ฯลฯเป็นธรรมแต่ละหนึ่ง ไม่ปนกัน เกิดแล้วดับ เป็นอนัตตา สำคัญที่ปัญญารู้ว่าไม่ใช่ตัวตนค่ะ
อภิธรรมะเป็นธรรมะที่ละเอียดยิ่งและในทุกขณะก็เป็นอภิธรรมะ แม้ขณะนี้ถ้าเห็นแล้ว ได้ยินแล้ว ไม่เป็นไปในกุศล ก็ต้องเป็นอกุศล ในทุกกุศลก็เป็นธรรมะฝ่ายดีที่ปรุงแต่งเกิดแล้วดับสะสมไปไม่ไช่เรา และอกุศลก็เป็นธาตุที่เป็นฝ่ายไม่ดีปรุงแต่งสะสมไป ไม่ไช่เราเช่นกัน ด้วยความเป็นอนัตตา กิเลสดับไม่ได้เลยถ้าไม่มีปัญญา ปัญญาก็เกิดไม่ได้เลยถ้ามีแต่อกุศล
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
อนุโทนาครับ
อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ
ขออนุโมทนาครับ
โมทนา สาธุ ในบุญกุศลกับท่านทั้งหลายด้วยครับ
นิพพานัง ปัจจโย โหตุ
สัพเพ สัตตา สุขิตา โหตุ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
อบรมปัญญาให้เข้าใจความจริง จะเป็นประโยชน์ทั้งชาตินี้ และชาติต่อๆ ไป กุศลที่ทำได้เสมอๆ คือ การฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มีคุณค่ามหาศาลสำหรับชีวิตที่ต้องเดินทางต่อไป อีกแสนไกล และกันดาร
ขอเชิญศึกษาพระธรรม...
รวมลิงก์เมนูต่างๆ ในเว็บไซต์
พระไตรปิฎก
ฟังธรรม
วีดีโอ
ซีดี
หนังสือ
กระดานสนทนา