ชาวโลกให้คำนิยามของคำว่า "ชีวิต" แตกต่างกันไปหลากหลาย
บางคนก็บอกว่า "ชีวิตคือการต่อสู้"
บางคนก็กล่าวว่า "ชีวิตคือการเดินทาง"
บางคนก็กล่าวว่า "ชีวิตคือบทละคร"บางคนก็กล่าวว่า "ชีวิตคือความอัศจรรย์"
ฯลฯ
.................................................
ทว่า ตามความเป็นจริงโดยพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงแล้ว
"ชีวิต" คืออะไรครับ???
.
.
.
.
ขออนุโมทนาในทุกๆ คำตอบครับ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
โดยทั่วไปก็ย่อมนิยามความหมายของชีวิตไปแตกต่างกันไป ตามแต่ความคิด ตาม
การสะสม เช่น ชีวิตคือการต่อสู้ ชีวิตคือการเดินทาง เป็นต้น หากแต่ว่าความเป็น
จริงแล้วนั้น พระพุทธเจ้าทรงแสดงความจริงว่าชีวิตคือ สภาพธรรมที่เป็นจิต เจตสิกที่
เกิดดับสืบต่อกันไป หากไม่มีสภาพธรรมที่เป็นจิต เจตสิก รูปแล้วก็คงไม่มีการเดินทาง
ไม่มีการต่อสู้เพราะไม่มีอะไรเลยนั่นเอง และที่สำคัญที่สุด ความจริงของชีวิตคือชีวิต
ดำรงอยู่เพียงชั่วขณะจิตเดียวเท่านั้น เกิดขึ้นและดับไปทีละขณะ น้อยและสั้นมากย่อมเป็นเครื่องเตือนได้เป็นอย่างดีว่าชีวิตนั้นน้อย ชีวิตที่ประเสริฐก็คือการอบรมปัญญา
เจริญกุศลทุกประการเพราะขณะที่เข้าใจพระธรรมก็คือจิตนั่นเองที่เกิดขึ้นประกอบด้วย
ปัญญาสะสมความเห็นถูก อันจะเป็นปัจจัยให้ดับกิเลสได้ครับ เพราะฉะนั้นชีวิตก็คือ
สภาพธรรมที่เป็นจิต เจตสิก ที่เกิดดับสืบต่อกันไปและชีวิตดำรงอยู่เพียงชั่วขณะจิต
เดียวเท่านั้นครับ
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 45 บทว่า ชีวิตํ ได้แก่ ชีวิตินทรีย์. บัณฑิต พึงทราบ ความที่ชีวิตคือ อายุนั้นเป็นของน้อย โดยอาการ ๒ อย่าง คือชื่อว่าน้อย เพราะความที่ชีวิตนั้นเป็นไปกับด้วยรส คือ ความเสื่อมสิ้นไป และเพราะความที่ชีวิตนั้นประกอบด้วยขณะ คือครู่เดียว. พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 46
ชีวิต อัตตภาพ สุขและทุกข์ทั้งหมด ประกอบด้วยจิตดวงเดียว ขณะของจิตนั้นย่อมเป็นไปเร็วพลัน. พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 47
เพราะจิตไม่เกิด สัตว์โลกก็ชื่อว่าไม่เกิด เพราะจิตเกิดขึ้นเฉพาะหน้า สัตว์โลกก็ชื่อว่า เป็นอยู่ เพราะความแตกดับแห่งจิต สัตว์โลก จึงชื่อว่า ตายแล้ว นี้เป็นบัญญัติเนื่องด้วยปรมัตถ์. อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ถ้าถามว่า คำนิยามของชีวิต คือ อะไร.?ต้องขอถามก่อนค่ะ ว่า......................จะกล่าวโดย "ปรมัตถ์" หรือ "บัญญัติ"ถ้ากล่าวโดย "ปรมัตถ์"..........ก็จบและไม่เปลี่ยนแปลงเป็นอื่นไปได้.ถ้าจะกล่าวโดย "บัญญัติ"ก็ไม่รู้จักจบ และ วิจิตรต่างๆ ไป...ตามการสะสมของจิตของแต่ละบุคคล.
(นานาจิตตัง)
ขออนุโมทนาค่ะ
ชีวิต คือ ธรรม
ธรรม คือ ชีวิต
เป็นสิ่งที่มีจริง
เกิดขึ้น ปรากฎ และหมดไป ไม่ถาวร
[คนชื่อ ถาวร ก็ยังต้องหายไป]
เชิญคลิกอ่านได้ที่
ชีวิตนี้...น้อยนัก [อุปเนยยสูตร]
อนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ชีวิตคือ ความอัศจรรย์ ประกอบเป็นกลุมก้อน มีรูป ทีเป็นมหาภูตรูป และนาม จิตเจตสิก แถมยังสามารถ เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส เย็น ร้อน อ่อน แข็ง อีกด้วย ยังมีบาปบุญ คุณ โทษ มีกุศล อกุศล สุข ทุกข์ มี กรรม อีกด้วย มีรสชาติมากมาย ยังงี้ไม่เรียกอัศจรรย์ จะเรียกว่าอะไร ครับ
ขออนุโมทนาค่ะ
ชีวิต อัศจรรย์ ด้วยการเกิดดับอย่างรวดเร็วของจิต เจตสิกและรูป ประเภทต่างๆ
ทุกขณะ เป็นความจริง เป็นธรรมะ แต่ไม่รู้ และขณะนี้อะไรกำลังเกิดดับอยู่บ้าง
ยอมรับว่า ไม่รู้เหมือนกัน ก็มันรวดเร็วขนาดนั้น แต่คงไม่พ้นไปจาก ธรรมะ แน่นอน
ขอบคุณและขออนุโมทนา
ตามที่ได้ฟังมา
ชีวิตคือสังขารธรรมรูปแบบหนึ่ง
สังขารธรรมทั้งปวงไม่เที่ยงจึงเป็นทุกข์
และเมื่อทุกข์นั้นได้เกิดขึ้นแล้ว ก็ย่อมดับไปเป็นธรรมดา
สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจาติ ยทา ปญฺญาย ปสฺสติ
อถ นิพฺพินฺทติ ทุกฺเข เอส มคฺโค วิสุทฺธิยา.
"เมื่อใด บัณฑิตย่อมเห็นด้วยปัญญาว่า ' สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง,'
เมื่อนั้น ย่อมหน่ายในทุกข์, ความหน่ายในทุกข์ นั่นเป็นทางแห่งความหมดจด."
แต่ว่า ผมไม่หน่ายในชีวิตเลยสักนิด
ที่เห็นชัดๆ ก็คือ .........ผมกลัวตายมากครับ
ขออนุโมทนา