[เล่มที่ 71] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 257
เถราปทาน
สกจิตตนิยวรรคที่ ๗
สุจินติตเถราปทานที่ ๖ (๖๖)
ว่าด้วยผลแห่งการถวายเนื้อดี
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 71]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 257
สุจินติตเถราปทานที่ ๖ (๖๖)
ว่าด้วยผลแห่งการถวายเนื้อดี
[๖๘] เราเป็นพรานผู้เที่ยวอยู่ที่ภูเขา ดังไกรสรราชสีห์ผู้เป็น อภิชาสัตว์ เราฆ่าหมู่เนื้อเลี้ยงชีวิตอยู่ระหว่างภูเขา.
ก็พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้สัพพัญญูพระนามว่าอัตถทัสสี ผู้ประเสริฐกว่าบรรดาคนผู้รู้พระองค์ทรงประสงค์จะถอนเราขึ้น จงเสด็จนายังภูเขาสูง.
เราฆ่าเนื้อฟานแล้วนำมาเพื่อกิน สมัยนั้น พระผู้มีพรภาคเจ้าเสด็จเข้ามาภิกษาจาร.
เราได้เลือกหยิบเอาเนื้อดี ถวายแด่พระศาสดาพระองค์นั้น ในกาลนั้น พระมหาวีรเจ้าจะทรงยังเราให้เย็น จึงทรงอนุโมทนา ด้วยจิตอันเลื่อมใสนั้น เราเข้าไปในระหว่างภูเขา ยังปีติให้เกิดขึ้นแล้ว ทำกาละ ณ ที่นั้น.
ด้วยการถวายเนื้อนั้น และด้วยการตั้งจิตไว้ดี เรารื่นรมย์ อยู่ในเทวโลกตลอด ๑,๕๐๐ กัป.
ในกัปทั้งหลายที่เหลือ เราทำกุศลด้วยการถวายเนื้อนั้น และด้วยการอนุสรณ์ถึงพระพุทธเจ้า.
ในกัปที่ ๓๘ ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๘ ครั้ง พระนามว่า ทีฆายุ ในกัปที่ ๖,๐๐๐ แต่กัปนี้ ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๒ ครั้ง พระนามว่า สรณะ.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 258
คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และ อภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระสุจินติตเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ ฉะนี้แล.
จบสุจินติตเถราปทาน
๖๖. อรรถกถาสุจินติตเถราปทาน
อปทานของท่านพระสุจินติตเถระ มีคำเริ่มต้นว่า คิริทุคฺคจโร อาสึ ดังนี้.
พระเถระแม้นี้ ได้บำเพ็ญบุญสมภารไว้ในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ. สั่งสมบุญทั้งหลายอันเป็นอุปนิสัยแก่พระนิพพานในภพนั้นๆ ในกาลแห่ง พระพุทธเจ้าพระนามว่า อัตถทัสสี เกิดในตระกูลแห่งพราหมณ์ หิมวันตประเทศ ฆ่าเนื้อและสุกรเป็นต้น เคี้ยวกินอยู่. ในกาลนั้น พระโลกนาถเจ้า ทรงสงเคราะห์สัตว์โลก และมีพระทัยเอ็นดูสัตว์ จึงเสด็จไปสู่หิมวันต์. ใน กาลนั้น นายพรานนั้นเห็นพระผู้มีพระภาคเจ้า มีจิตเลื่อมใส ได้ให้เนื้อ ล่ำอันอร่อย ที่เขานำมาเพื่อประโยชน์ให้พระองค์ทรงเสวย. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับแล้ว เพื่อความอนุเคราะห์แก่เธอ. พระองค์ทรงเสวยเนื้อนั้นแล้วเสด็จหลีกไป. ด้วยบุญกรรมนั้นนั่งเอง ท่านจุติจากอัตภาพนั้น ด้วยความโสมนัสนั่นแล ท่องเที่ยวไปในสุคติเสวยสมบัติในกามาวจรสวรรค์ ๖ ชั้น เสวยจักรพรรดิสมบัติเป็นต้นในมนุษยโลก ในพุทธุปบาท-
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 259
กาลนี้ บังเกิดในเรือนมีตระกูลเลื่อมใสในพระศาสดา บวชแล้วไม่นานนัก ก็ได้เป็นพระอรหันต์.
ท่านถึงความแตกฉานในปฏิสัมภิทา ๔ และอภิญญา ๖ ระลึกถึง บุพกรรมของตน เกิดโสมนัส เมื่อจะประกาศปุพพจริตาปทาน จึงกล่าวคำ มีอาทิว่า คิริทุคฺคจโร อาสึ ดังนี้. ชื่อว่า คิริ เพราะอรรถว่า เปล่ง คือกระทำเสียง. คิรินั้นคืออะไร? คือภูเขาอันล้วนแล้วแต่สิลาและฝุ่น. ทางที่บุคคลดำเนินไปด้วยยากคือลำบาก ชื่อว่า ทุคคะ ทางที่ไปยาก ลำบาก ชื่อว่า คิริทุคคะ ได้แก่ทางที่บุคคลดำเนินไปได้ยาก. เราเป็นพราน ผู้เที่ยวไป คือมีปกติเที่ยวไปในทางที่ผู้เปล่งเสียงดำเนินไปได้โดยยาก คือ ในระหว่างภูเขา. บทว่า อภิชาโตวา เกสรี ความว่า เราเกิดคือบังเกิด โดยพิเศษยิ่ง เที่ยวไปในทางที่ผู้ดำเนินไปได้โดยยาก เหมือนไกรสรราชสีห์ ฉะนั้น.
บทว่า ศิริทุคฺคํ ปวิสึ อหํ ความว่า ในกาลนั้น เราเกิดปีติ โสมนัส เพราะการถวายเนื้อนั้นแล้ว ได้เข้าไประหว่างภูเขา. คำที่เหลือ มีอรรถง่ายทั้งนั้นแล.
จบอรรถกถาสุจินติตเถราปทาน