กราบนมัสการครับ พระอาจารย์
ผมไม่ใช่พ่อของลูกแท้ๆ ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับลูกเลย จริงๆ เป็นแค่ครูสอนเขา แต่เขาแสดงหลายสิ่งหลายอย่างว่าเขาอยากมีเราเป็นพ่อ และเขารักเราเหมือนพ่อ นั่นเป็นจุดเริ่มต้นให้ผมได้เปิดจิตวิญญาณความเป็นพ่อ คนที่มีลูกจะเห็นคุณค่าในตนเองและจะทำทุกวิถีทางทุกอย่างเพื่อลูก ตอนนี้ผมรักเขาไปแล้วเด็กน่ารัก นิสัยดี มีอนาคตผมดูแลเหมือนลูกแท้ๆ ของผม ถึงแม้ผมจะไม่ได้ให้กำเนิดเขามา ผมก็ขอสร้างเขาขึ้นมาด้วยมือของผม ผมถือว่าผมสร้างเขา ผมก็เป็นผู้ให้กำเนิดเช่นกัน และช่วงเวลาที่มีค่าที่เหลือผมจะทำหน้าที่พ่อให้ดีที่สุด เขาไม่เคยได้อยู่พ่อ ไม่เคยได้กอดพ่อ ไม่ได้อยู่กับแม่แท้ๆ อยู่กับยายที่เลี้ยงมาแต่เด็ก ผมเติมเต็มให้เขา ด้วยความรักอย่างไม่มีข้อแม้ใดๆ รู้แค่ว่ารักลูกมากๆ ให้เงินใช้ พาไปกิน ไปเที่ยว สอนทุกอย่าง ดูแล ติดตาม แบบที่พ่อแท้ๆ ของเขาก็ไม่ได้ทำให้ลูกของเขา เพราะความรักความห่วงใยเพื่อให้ลูกที่ผมรักเหมือนลูกแท้ๆ คนนี้ได้อบอุ่นที่สุด มันเป็นความผูกพันทางใจที่ไม่สามารถอธิบายได้
คำถาม: ที่กระผมเกิดความเมตตากับนักเรียน รักเหมือนลูกชายแท้ๆ เวลาเขาเจ็บเรารู้สึกเจ็บด้วย เหมือนว่าเราเป็นพ่อเขา ห่วงเขามาก รู้สึกสบายใจทุกครั้งที่ได้ทำสิ่งดีๆ แบบนี้ และรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้ยินเขาเรียกว่าพ่อ แม้จะไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของเขา และไม่ได้เป็นลูกติดที่เกิดจากแฟนของผม เพียงแต่เป็นนักเรียนที่ผมสอนเท่านั้น ซึ่งผมรู้สึกกับเด็กคนนี้เพียงคนเดียวเท่านั้นครับ อธิบายไม่ถูกครับ เหตุเช่นนี้เกี่ยวข้องกับบุญ กรรม หรือเคยเป็นพ่อลูกกันผูกพันกันมาจริงๆ ในชาติก่อนหรือไม่ ครับ?
...ขอกุศลกรรมดีนี้ จงบังเกิดแก่ลูกของผมในอนาคตครับ
..
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาัสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เป็นธรรมดาของความรัก ความผูกพัน ซึ่งภาษาธรรม เรียกว่า โลภะ ความติดข้อง ที่เป็นกิเลสชนิดหนึ่ง ที่เมื่อมีเหตุปัจจัยก็ทำให้ติดข้อง พอใจ ยินดี เกิดความรักได้ทุกอย่าง เพราะโลภะติดข้องได้ทุกอย่าง ยกเว้น โลกุตตรธรรม มี นิพพาน เป็นต้น ที่โลภะ ติดข้องไม่ได้ เพราะฉะนั้น เราจะเห็นตัวอย่างมากมาย คนผูกพันกับสัตว์เลี้ยง ทั้งๆ ที่สัตว์นั้นก็ไม่ได้เป็นลูก แต่ก็รักยังกับเป็นลูก และ ตัวอย่างอื่นๆ อีกมากมาย นั่นก็เพราะเหตุปัจจัย คือ กิเลสที่สะสมมา ซึ่ง พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ครับว่า ความรักมีเหตุให้เกิด ดังนี้
[เล่มที่ 40] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หน้าที่ 245
"ความรักนั้น ย่อมเกิดด้วยเหตุ ๒ ประการ
อย่างนี้ คือ ด้วยความอยู่ร่วมกันในกาลก่อน ๑
ด้วยการเกื้อกูลกันในกาลปัจจุบัน ๑ เหมือนอุบล
(อาศัยเปือกตมและน้ำ) เกิดในน้ำฉะนั้น."
----------------------
พระธรรมละเอียดลึกซึ้ง ถ้าไม่ศึกษา จะสำคัญความรัก ว่าเป็นสิ่งที่ดี เป็นเมตตา แท้ที่จริง คือ กิเลส โลภะ ความติดข้อง เพราะ ถ้าเมตตาแล้ว ย่อมจะไม่เดือดร้อน เป็นทุกข์ เมื่อบุคคลนั้นเป็นทุกข์เลย ครับ ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ความติดข้อง ผูกพัน รัก มีจริงๆ เป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย และเป็นอกุศลธรรมด้วย ต่างจากความเป็นมิตรเป็นเพื่อนหวังดีปรารถนา ไม่ว่าจะกับใครก็ตาม และไม่เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ด้วย
บุคคลผู้ที่ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ ก็จะเห็นความลึกซึ้ง เห็นความเหนียวแน่นของความยินดีพอใจ ซึ่งมีในทุกๆ วัน ความพอใจในบุคคล ในวัตถุสิ่งของซึ่งเป็นที่รักนั้น ก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลย ในภพหนึ่งๆ ถ้าสามารถที่จะระลึกถอยไปได้ ก็จะเห็นได้ว่าความพอใจในสัตว์บุคคล ในญาติพี่น้อง ในมิตรสหาย ในวัตถุสิ่งของซึ่งเป็นที่รัก ในอดีตชาติที่ผ่านๆ มาแล้ว ย่อมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จึงควรที่จะพิจารณาโดยละเอียด ว่า ความติดข้องยินดีพอใจจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อีกได้ไหม? ความติดข้องยินดีพอใจในวันนี้จะมาจากไหน ถ้าไม่เคยได้สะสมความติดข้องยินดีพอใจมาเลย นี้แหละคือความเหนียวแน่นของอกุศลที่ได้สะสมมาอย่างยาวนานในสังสารวัฏฏ์
สิ่งที่จะเป็นที่พึ่งจริงๆ คือ ความเข้าใจพระธรรม แม้ว่าจะมีกิเลสมาก ก็อบรมเจริญปัญญา ท่ามกลางอกุศล ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย เข้าใจความเป็นจริง ว่า แม้ความติดข้อง ผูกพัน ก็เป็นธรรม ไม่ใช่เรา และ ทำหน้าที่ของตนเอง ในทางที่ถูกที่ควร ให้ดีที่สุด ครับ
...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ