เมื่อเข้าไปอ่านพระวินัยปิฎก เล่ม 4 มหาวรรค ภาค 1 กล่าวถึงคนมือเท้าขาด แต่ในอรรถกถาหัตถัจฉินนาทิวัตถุกถาอธิบายเพิ่มเติมว่า ให้ขาด 2 ใน 3 จึงถือว่าขาด
อย่างนี้ให้ยึดตามพระอรรถกถาใช่ไหมครับ
และอีกปัญหา ผู้คนส่วนใหญ่จะยึดพระสูตรกับพระวินัยอย่างเดียว ไม่สนใจพระอภิธรรมและพระอรรถกถาจารย์ เพราะคิดว่าไม่ใช่พระพุทธเจ้าบัญญัติครับ และโดยเฉพาะมีหลังพุทธกาล เช่น พระพุทธโฆษาจารย์ ซึ่งพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว ไม่มีผู้รับรอง ช่วยคลายความข้องใจด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ก็ต้องพิจารณาไตร่ตรองในเหตุในผลจริงๆ โดยเฉพาะเหตุผลต่างๆ ที่ที่แสดงว่าบุคคลใดบ้างที่ห้ามบวช และมีเหตุผลอย่างไร นี้คือประโยชน์และจะต้องพิจารณาต่ออีกว่า แม้ไม่ได้บวช ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ก็ไม่ได้เป็นเครื่องกั้นในการเจริญกุศลและการอบรมเจริญปัญญา เพราะเป็นคฤหัสถ์ก็สามารถที่จะเป็นคนดี ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญา ได้
สำหรับในเรื่องของการศึกษาพระธรรมนั้น ใครจะพูดอย่างไร ก็เป็นคำพูดของคนอื่น สิ่งสำคัญที่สุด คือ การตั้งใจฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมด้วยความละเอียดรอบคอบ และตั้งจิตไว้ชอบในการศึกษาว่า ศึกษาเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกเท่านั้น ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น
จะเห็นได้ว่า พระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงตลอด ๔๕ พรรษาที่สืบทอดมาจนถึงปัจจุบันนี้จากการที่พระอริยสาวกทั้งหลายเห็นประโยชน์ของพระธรรม ช่วยกันรักษาพระธรรมวินัยให้คงอยู่อันจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่มีโอกาสได้ศึกษาอย่างแท้จริงนั้น เป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกโดยตลอด กล่าวได้ว่า พระไตรปิฎกและอรรถกถา เป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกทั้งหมด สำคัญอยู่ที่ว่าผู้นั้นจะศึกษาโดยละเอียดหรือไม่? หรือว่าจะปฏิเสธในทันทีทันใด เป็นเรื่องของแต่ละบุคคลจริงๆ ซึ่งสะสมมาแตกต่างกัน
หลักแห่งการตัดสินว่าเป็นพระธรรมวินัยเป็นคำสั่งสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือไม่ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ว่า ธรรมเหล่าใด เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อคลายกำหนัด เพื่อความดับ เพื่อสงบระงับ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้ เพื่อนิพพานโดยส่วนเดียว พึงทรงจำธรรมเหล่านี้ไว้ว่า นี้เป็นธรรม นี้เป็นวินัย นี้เป็นคำสั่งสอนของศาสดา
ซึ่งจะต้องขึ้นอยู่กับผู้ศึกษาจริงๆ การที่จะปฏิเสธอรรถกถถา ย่อมเป็นการไม่สมควร เพราะอรรถกถาส่วนหนึ่งมาจากปกิณณกเทศนาของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า และส่วนหนึ่งก็มาจากพระอรหันต์สาวกมีท่านพระสารีบุตรเป็นต้นท่านอธิบายไว้ เป็นการอธิบายพระบาลีคือพระพุทธพจน์ให้เข้าใจยิ่งขึ้น อันเป็นการอธิบายของพระอริยสาวกผู้ที่ประกอบด้วยปัญญา ที่ควรค่าแก่การศึกษาพิจารณาไตร่ตรองเป็นอย่างยิ่ง ขึ้นอยู่กับว่าผู้นั้นได้ศึกษาโดยละเอียดหรือยัง?
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
พระวินัย เน้นเรื่องของการขัดเกลากายวาจา เป็นเรื่องของศีล พระสูตรเน้นเรื่องสมาธิ ส่วนพระอภิธรรม เน้นเรื่องของปัญญา ทั้งหมดก็เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า ค่ะ
ขอบคุณและสาธุ สาธุ สาธุกับท่านอ. ทั้งสองครับ
ผมยังมีความข้องใจครับ เพราะคนส่วนใหญ่ยึดบาลี ผมจึงเข้าไปศึกษา
จึงยกตัวอย่าง ผู้ห้ามบวช 32 อย่าง คนที่มือเท้าด้วน 2 ใน 3 จึงห้ามบวช อย่างนี้ไม่ใช่ว่ามือเท้าด้วน ก็ห้ามบวชเลย แต่ให้ดูพระอรรถกถาว่าด้วนขนาด 2 ใน 3 จึงห้ามบวชใช่ไหมครับ ต้องพิจารณาหลักการนี้ประกอบใช้ไหมครับ รบกวนอาจารย์ไขข้องใจด้วยครับ
ขอบคุณและสาธุ สาธุ สาธุครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ