มีทุกข์เพราะติดข้องต้องการ
โดย nattawan  7 ส.ค. 2567
หัวข้อหมายเลข 48252

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

-โยนิโสมนสิการ คือ การพิจารณาถูกต้องแยบคายในขณะที่ฟัง กุศลใดเกิดขี้นประกอบด้วยปัญญา พิจารณาถูก เห็นถูก ก็เป็นโยนิโสมนสิการ

-เมื่อฟังธรรมเข้าใจก็เห็นคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องบำเพ็ญบารมีมามากมาย กว่าที่จะทรงตรัสรู้ จึงควรฟังธรรมด้วยความเคารพ ฟังด้วยดี ขณะที่ฟังเข้าใจ ขณะนั้นปัญญาก็ทำกิจของปัญญาแล้ว ปัญญาสามารถเจริญขึ้นได้ ขณะมีโอกาสได้ฟัง ได้เข้าใจพระธรรม

-ปัญญารู้แล้วละความติดข้องต้องการ ที่ว่าไม่ใช่ของใคร เพราะว่าไม่ยั่งยืน

- ถ้าไม่มีสิ่งที่ปรากฏ รู้ว่าเพียงเกิดขึ้นแล้วหมดไป จะติดข้องในสิ่งนั้นหรือเปล่า? เมื่อมีความติดข้องต้องการ ย่อมมีทุกข์ เดือดร้อนแน่นอน

บ้านธัมมะ ๒๑ ต.ค. ๕๒



ความคิดเห็น 1    โดย nattawan  วันที่ 7 ส.ค. 2567

-ทุกขณะที่มีจริงเป็นธรรมะ แต่ไม่รู้ความจริงของธรรมะแต่ละขณะ เห็นมีแล้ว แต่ก็ไม่รู้ จึงเป็นเราเห็น

-ขณะใดที่สามารถฟังและเข้าใจสิ่งที่มีจริงๆ ได้ถูกต้อง ขณะนั้นคือความเห็นถูก เป็นผู้เห็นถูกตามความเป็นจริงของสภาพธรรม

บ้านธัมมะ ๑๔ ต.ค. ๕๒


ความคิดเห็น 2    โดย nattawan  วันที่ 7 ส.ค. 2567

-การจะละอกุศลที่เกิดแล้ว หรือกำลังเกิด ก็ด้วยการฟังพระธรรม เมื่อเข้าใจขึ้นๆ ก็จะค่อยๆ ละคลายอกุศล

-ฟังธรรมะให้เข้าใจว่าเป็นธรรมะ ไม่ใช่เป็นเรื่องราวที่คิดนึก

-อย่าสำคัญว่ารู้ในสิ่งที่ยังไม่รู้ ต้องเริ่มต้นฟังพระธรรมด้วยดี เพื่อให้เข้าใจในสิ่งที่หาฟังได้ยาก

บ้านธัมมะ ๑๖ ก.ย. ๕๒


ความคิดเห็น 3    โดย nattawan  วันที่ 7 ส.ค. 2567

😇ฟังธรรมะ เพื่อละความไม่รู้ ละความเห็นผิด ไม่ใช่เรารู้ แต่เป็นปัญญาที่ได้อบรมแล้วรู้อริยสัจจธรรม

🙏เมื่อมีความรู้ถูก ความเห็นถูก ก็ละคลายความติดข้อง

😇การศึกษาธรรมะต้องเข้าใจจริงๆ และต้องไม่ประมาทด้วย สะสมจนปัญญาเจริญขึ้น มีความมั่นคง สามารถรู้แจ้งสภาพธรรมะที่กำลังปรากฏ

🙏ทุกคนอยู่ในโลกของความคิด ตั้งแต่เกิดจนตาย (เห็นแล้วคิด ได้ยินแล้วคิด ... )

😇ระหว่างที่มีชีวิตอยู่ด้วยความไม่รู้ ก็ติดข้องในสิ่งที่มีด้วยความไม่รู้ สืบต่อไปจนถึงชาติต่อไปด้วย ชาติต่อไปก็จะเป็นเหมือนชาตินี้ เหมือนชาติก่อนก็เคยเป็นเหมือนอย่างนี้ เพราะฉะนั้นเมื่อเกิดมาอีกก็ต้องเป็นเหมือนอย่างนี้ เพราะว่าไม่ได้มีความเข้าใจถูกต้องว่าจริงๆ แล้วเป็นธรรมะ

บ้านธัมมะ ๑๒ ส.ค. ๕๒


ความคิดเห็น 4    โดย nattawan  วันที่ 7 ส.ค. 2567

แต่ละบุคคลมีอัธยาศัยที่แตกต่างกันออกไปตามการสะสม เนื่องจากว่าเป็นผู้ที่ได้สั่งสมอกุศลมามากในสังสารวัฏฏ์ การกระทำหรือการพูด จึงเป็นไปในทางที่ไม่ดีบ้างอย่างผู้ที่เป็นคนมักโกรธ ไม่พอใจ แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้สั่งสมอกุศลประเภทนี้มามาก และเพราะสั่งสมโลภะมามากด้วย จึงเป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้ เมื่อไม่ได้ดั่งใจเมื่อไม่ได้ตามที่ต้องการ ก็ทำให้เกิดโทสะความขุ่นเคืองใจ ทำให้เกิดความไม่พอใจได้เวลาโกรธแล้ว ระงับไม่อยู่ แสดงออกมาทางกายบ้าง ทางวาจาบ้าง เป็นความรู้สึกโทมนัสอย่างแรงบ้าง ในขณะที่อกุศลจิตเกิดแต่ละครั้ง จะไม่ปราศจากโมหะ (ความหลง, ความไม่รู้) เลย ไม่ว่าจะเป็นอกุศลจิตประเภทใดๆ ก็ตาม

ธรรมทัศนะ
www.dhammahome.com


ความคิดเห็น 5    โดย nattawan  วันที่ 7 ส.ค. 2567

จะทุกข์ จะสุข ก็เพียงชั่วขณะที่เกิดขึ้น แล้วก็หมดไป

ตอนที่เรื่องนั้นเกิดขึ้น รู้สึกว่าสำคัญเหลือเกิน

แต่พอไม่นึกถึง หายไปหมด

เรื่องที่ว่าสำคัญ ไม่เห็นจะตื่นเต้น ไม่เห็นจะเดือดร้อนอีกต่อไป

เพียงไม่ไปคิดถึงเท่านั้นก็หมดความสำคัญไปเสียแล้ว

แล้วสาระอยู่ที่ไหนค่ะ?

Happiness and suffering is just a moment of arising and then it all falls away.

At the time of arising, it seems to be very very important.

But if one doesn't think about it, all disappears.

No matter how important, no more excited or disturbed.

Just doesn't think about it, all is insignificant.

What's the use of it?

ความรู้ทางธรรมมีได้เพราะท่านอาจารย์ฯ


ความคิดเห็น 6    โดย nattawan  วันที่ 7 ส.ค. 2567

การศึกษาไม่เห็นผิดเพราะเข้าใจ

ถ้าเห็นผิดก็คือไม่เข้าใจ เป็นเราฟังธรรมะแล้วเราเข้าใจ

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในความดีของทุกท่านค่ะ


ความคิดเห็น 7    โดย chatchai.k  วันที่ 7 ส.ค. 2567

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ


ความคิดเห็น 8    โดย สิริพรรณ  วันที่ 7 ส.ค. 2567

ขอถวายความนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นด้วยเศียรเกล้า

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

กราบขอบพระคุณยินดีในกุศลธรรมทานค่ะ


ความคิดเห็น 9    โดย nattawan  วันที่ 8 ส.ค. 2567

ยินดีในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ