[เล่มที่ 31] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ - หน้า 302
๑๐. ตติยคิญชกาวสถสูตร
ว่าด้วยธรรมปริยาย ชื่อ ธรรมาทาส
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 31]
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ - หน้า 302
๑๐. ตติยคิญชกาวสถสูตร
ว่าด้วยธรรมปริยาย ชื่อ ธรรมาทาส
[๑๔๗๖] (ข้อความเบื้องต้นเหมือนคิญชกาวสถสูตรที่ ๑) ครั้นแล้ว ท่านพระอานนท์ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อุบาสกชื่อกกุฏะในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง กระทำกาละแล้ว คติของเขาเป็นอย่างไร สัมปรายภพของเขาเป็นอย่างไร... อุบาสกชื่อกฬิภะในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง... อุบาสกชื่อทนิกัทธะในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง... อุบาสกชื่อกฏิสสหะในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง... อุบาสกชื่อตุฏฐะในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง... อุบสกชื่อสันตุฏฐะ
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ - หน้า 303
ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง... อุบาสกชื่อภัททะในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง... อุบาสกชื่อสุภัททะในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง กระทำกาละแล้ว คติของเขาเป็นอย่างไร สัมปรายภพของเขาเป็นอย่างไร.
[๑๔๗๗] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนอานนท์ อุบาสกชื่อกกุฏะ กระทำกาละแล้ว เป็นอุปปาติกะ จักปรินิพพานในภพนั้นมีอันไม่กลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา เพราะสังโยชน์อันเป็นส่วนเบื้องต่ำ ๕ สิ้นไป อุบาสกชื่อกฬิภะ... ชื่อทนิกัทธะ... ชื่อกฏิสสหะ... ชื่อตุฏฐะ... ชื่อสันตุฏฐะ... ชื่อภัททะ... ชื่อสุภัททะ กระทำกาละแล้ว เป็นอุปปาติกะ จักปรินิพพานในภพนั้น มีอันไม่กลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา เพราะสังโยชน์อันเป็นส่วนเบื้องต่ำ ๕ สิ้นไป.
[๑๔๗๘] ดูก่อนอานนท์ อุบาสกทั้งหลายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เกินกว่า ๕๐ คน กระทำกาละแล้ว เป็นอุปปาติกะ จักปรินิพพานในภพนั้น มีอันไม่กลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา เพราะสังโยชน์อันเป็นส่วนเบื้องต่ำ ๕ สิ้นไป อุบาสกทั้งหลายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งเกินกว่า ๙๐ คน กระทำกาละแล้ว เป็นพระสกทาคามี เพราะสังโยชน์ ๓ สิ้นไป และเพราะราคะ โทสะ โมหะเบาบาง มาสู่โลกนี้อีกคราวเดียว แล้วจักทำที่สุดทุกข์ได้ อุบาสกทั้งหลายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งจำนวน ๕๐๖ คน กระทำกาละแล้ว เป็นพระโสดาบัน เพราะสังโยชน์ ๓ สิ้นไป มีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า.
[๑๔๗๙] ดูก่อนอานนท์ ข้อที่บุคคลเกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว พึงกระทำกาละ มิใช่เป็นของน่าอัศจรรย์ ถ้าเมื่อผู้นั้นๆ กระทำกาละแล้ว เธอ
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ - หน้า 304
ทั้งหลายพึงเข้ามาหาเราแล้วสอบถามเนื้อความนั้น ข้อนี้เป็นความลำบากของตถาคต เพราะฉะนั้นแหละ เราจักแสดงธรรมปริยายชื่อธรรมาทาส ที่อริยสาวกประกอบแล้ว เมื่อหวังอยู่พึงพยากรณ์ตนด้วยตนเองได้ว่า เรามีนรก กำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ปิตติวิสัย อบาย ทุคติ วินิบาต สิ้นแล้ว เราเป็นพระโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า.
[๑๔๘๐] ดูก่อนอานนท์ ก็ธรรมปริยาย ชื่อธรรมาทาส ที่อริยสาวกประกอบแล้ว เมื่อหวังอยู่ พึงพยากรณ์ตนด้วยตนเองได้ว่า เรามีนรก กำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ปิตติวิสัย อบาย ทุคติ วินิบาต สิ้นแล้ว เราเป็นพระโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า เป็นไฉน อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า... ในพระธรรม... ในพระสงฆ์... ประกอบด้วยศีลที่พระอริยเจ้าใคร่แล้ว... เป็นไปเพื่อสมาธิ นี้แล คือ ธรรมปริยาย ชื่อ ธรรมาทาส ที่อริยสาวกประกอบแล้ว เมื่อหวังอยู่ พึงพยากรณ์ตนด้วยตนเองได้ว่า เรามีนรก กำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ปิตติวิสัย อบาย ทุคติ วินิบาต สิ้นแล้ว เราเป็นพระโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า.
จบตติยคิญชกาวสถสูตรที่ ๑๐
จบเวฬุทวารวรรคที่ ๑
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ - หน้า 305
อรรถกถาตติยคิญชกาวสถสูตร
พึงทราบอธิบายในตติยคิญชกาวสถสูตรที่ ๑๐
บทว่า เกินกว่า ๕๐ ได้แก่ มากกว่า ๕๐ คน.
บทว่า เกินกว่า ๙๐ คน ได้แก่ มากกว่า ๙๐ คน.
บทว่า ฉาติเรกานิ ได้แก่ จำนวน ๖ คน.
ทราบมาว่า หมู่บ้านนั้น ไม่ได้ใหญ่ยิ่งก็จริง ถึงกระนั้น ในหมู่บ้านนั้นก็ยังมีอริยสาวกมาก ในหมู่บ้านนั้น สัตว์ ๒,๔๐๐,๐๐๐ ตายคราวเดียวกัน ด้วยอหิวาตกโรค. ในคนเหล่านั้น อริยสาวกได้มีประมาณเท่านี้.
คำที่เหลือในที่ทุกแห่งตื้นนั่นเทียวแล.
จบอรรถกถาตติยคิญชกาวสถสูตรที่ ๑๐
จบอรรถกถาเวฬุทวารวรรคที่ ๑
รวมพระสูตรที่มีในรรรคนี้ คือ
๑. ราชสูตร
๒. โอคธสูตร
๓. ทีฆาวุสูตร
๔. ปฐมสาริปุตตสูตร
๕. ทุติยสาริปุตตสูตร
๖. ถปติสูตร
๗. เวฬุทวารสูตร
๘. ปฐมคิญชกาวสถสูตร
๙. ทุติยคิญชกาวสถสูตร
๑๐. ตติยคิญชกาวสถสูตร และอรรถกถา.