[เล่มที่ 71] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 204
เถราปทาน
อุปาลิวรรคที่ ๕
จุนทเถราปทานที่ ๑๐ (๕๐)
ว่าด้วยผลแห่งการถวายดอกไม้
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 71]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 204
จุนทเถราปทานที่ ๑๐ (๕๐)
ว่าด้วยผลแห่งการถวายดอกไม้
[๕๒] เราได้ให้ทำดอกไม้อันเป็นวัตถุควรบุชา เพื่อถวายแด่ พระผู้มีพระภาคเจ้า พระนามว่าสิทธัตถะ เชษฐบุรุษของโลก ผู้คงที่ แล้วปกปิดด้วยดอกมะลิ เราให้ทำดอกไม้นั้นสำเร็จ แล้ว น้อมเข้าไปถวายแด่พระพุทธเจ้า และถือเอาดอกไม้ที่ เหลือไปบูชาพระพุทธเจ้า.
เรามีจิตเลื่อมใส มีใจโสมนัส นำเอาดอกไม้เข้าไปบูชา พระพุทธเจ้าผู้เช่นกับทองคำมีค่า เป็นอัครนายกของโลก.
พระสัมพุทธเจ้าผู้ทรงข้ามความสงสัยแล้ว ผู้ข้ามห้วง กิเลสได้แล้วแวดล้อมด้วยพระขีณาสพ ประทับนั่งในท่ามกลาง ภิกษุสงฆ์ ตรัสพระคาถาเหล่านี้ ว่า ผู้ใดได้ถวายดอกไม้มี ค่า มีกลิ่นหอมฟุ้งแก่เรา เราจักพยากรณ์ผู้นั้น ท่านทั้งหลาย จงฟังเรากล่าว.
บุคคลผู้นี้เคลื่อนจากโลกนี้แล้ว จักแวดล้อมด้วยหมู่เทวดา เกลื่อนกล่นด้วยดอกมะลิ จักไปสู่เทวโลก ภพของบุคคลนั้น สูงเสียดฟ้า สำเร็จด้วยทองและแก้วมณี วิมานทั้งหลาย อันเกิดด้วยบุญกรรม จักปรากฏ.
เขาจักได้เสวยเทวรัชสมบัติ ๗๔ ครั้ง จักแวดล้อมด้วย นางอัปสร เสวยสมบัติ จักได้เป็นพระราชาในแผ่นดินครอบครองพสุธา ๓๐๐ ครั้ง จักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๗๕ ครั้ง จัก
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 205
เป็นใหญ่กว่ามนุษย์ มีนามชื่อว่าทุชชยะ เสวยบุญนั้นประกอบ ด้วยกรรมของตน ไม่ไปสู่วินิบาต จักไปสู่ความเป็นมนุษย์ เงินที่บุคคลนั้นสั่งสมไว้แล้ว ตั้งร้อยโกฏิมิใช่น้อย.
บุคคลนี้จักบังเกิดในกำเนิดเป็นพราหมณ์ เป็นบุตรผู้มี ปัญญาของวังคันตพราหมณ์ เป็นโอรสผู้เป็นที่รักของนางสารีพราหมณ์.
และภายหลังเขาจักบวชในศาสนาของพระอังคีรส จักได้ เป็นพระสาวกของพระศาสดา มีนามชื่อว่า จูฬจุนทะ.
เขาจักได้เป็นพระขีณาสพแต่ยังเป็นสามเณรทีเดียว กำหนดรู้อาสวะทั้งปวงแล้ว จักไม่มีอาสวะ นิพพาน.
เราได้บำรุงพระมหาวีรเจ้าและพระสาวกอื่นๆ ผู้มีศีลเป็น อันมาก และบำรุงพระเถระผู้พี่ชายของเราเพื่อบรรลุประโยชน์ อันสูงสุด ครั้นเราบำรุงพระเถระผู้พี่ชายของเราแล้ว ได้เอา ธาตุใส่ไว้ในบาตร นำเข้าไปถวายพระสัมพุทธเจ้าเชษฐบุรุษ ของโลก ผู้นราสภ.
พระพุทธเจ้าในโลกพร้อมทั้งเทวโลก ทรงรับธาตุนั้นด้วย พระหัตถ์ทั้งสอง แล้วจักทรงพระโอวาท จึงทรงประกาศพระอัครสาวก จิตของเราพ้นวิเศษแล้ว และศรัทธาของเราตั้งมั่น ดีแล้ว เรากำหนดรู้อาสวะทั้งปวงแล้ว ไม่มีอาสวะอยู่.
คุณวิเศษเหล่านี้ คือปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และ อภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 206
ทราบว่า ท่านพระจุนทเถระได้กล่าวคาถาเหล่านั้น ด้วยประการ ฉะนั้นแล.
จบจุนทเถราปทาน
๕๐. อรรถกถาจุนทรเถราปทาน
อปทานของท่านพระจุนทเถระ มีคำเริ่มต้นว่า สิทฺธตฺถสฺส ภควโต ดังนี้.
พระเถระแม้นี้ ได้บำเพ็ญบุญสมภารไว้ในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ สั่งสมบุญทั้งหลายอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานในภพนั้นๆ ในกาลแห่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า สิทธัตถะ บังเกิดในตระกูลอันสมบูรณ์ ด้วยสมบัติ บรรลุนิติภาวะแล้ว เลื่อมใสในพระศาสดา ได้ให้สร้างวัตถุ อันควรมีค่าด้วยทอง ล้วนแล้วด้วยรัตนะ ๗ ฉาบด้วยดอกมะลิ บูชา พระผู้มีพระภาคเจ้า. ดอกไม้เหล่านั้น ได้ฟังขึ้นสู่อากาศตั้งโดยอาการ เป็นเพดาน.
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสพยากรณ์ท่านว่า ในอนาคต เธอจักเป็นสาวกนามว่า จุนทะ ในศาสนาของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนาม ว่าโคดม ด้วยบุญกรรมนั้น ท่านจุติจากอัตภาพนั้นแล้ว เกิดในเทวโลก เสวยสุขในเทวโลกชั้น กามาวจร ๖ ชั้น ตามลำดับ และเสวยจักรพรรดิสมบัติ เป็นต้น ในมนุษยโลก ในพุทธุปบาทกาลนี้ บังเกิดเป็นบุตรแห่งนางรูปสารีในตระกูลพราหมณ์ เป็นน้องชายของพระสารีบุตรมหาเถระ. เมื่อ
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 207
ท่านบรรลุนิติภาวะแล้ว ญาติทั้งหลายขนานนามท่านว่า จุนทะ เพราะ แปลง ส อักษร ให้เป็น จ อักษร เพราะทรวดทรงรูปและวัยของท่าน เป็นสิ่งสวยงาม. ท่านเจริญวัยแล้ว เห็นโทษในการครองเรือน และ อานิสงส์ในบรรพชา บวชในสำนักของพระเถระผู้เป็นพี่ชาย เจริญ วิปัสสนาไม่นานนัก ก็บรรลุพระอรหัต.
ท่านบรรลุพระอรหัตตผล วันหนึ่ง ระลึกถึงบุพกรรมของตน เกิด โสมนัส เมื่อจะประกาศปุพพจริตาปทาน จึงกล่าวคำมีอาทิว่า สิทฺธตฺถสฺส ภควโต ดังนี้ คำนั้นมีอรรถอันท่านกล่าวไว้แล้วในหนหลังนั้นแล. แม้ อรรถว่า อคฺฆิยํ มีอรรถตื้นทั้งนั้น.
บทว่า วิติณฺณกงฺโข สมฺพุทฺโธ เชื่อมความว่า ท่านข้ามความ สงสัยเสียได้ คือเป็นพระสัมพุทธเจ้าโดยไม่ต้องสงสัย เพราะท่านให้ความ สงสัยสิ้นไป โดยการบรรลุมรรคจิต โดยพิเศษ. บทว่า ติณฺโณเฆหิ ปุรกฺขโต ความว่า ผู้อันพระขีณาสพห้อมล้อมคือแวดล้อม เพราะท่าน ข้าม คือก้าวล่วงโอฆะ๔ มีกาโมฆะเป็นต้นได้แล้ว. พยากรณ์คาถามีอรรถ ตื้นทั้งนั้น.
บทว่า อุปฏฺหึ มหาวีรํ ความว่า เราได้บำรุง คือได้กระทำการ บำรุง พระพุทธเจ้าผู้ได้นามว่า มหาวีระ เพราะได้บำเพ็ญบารมี กระทำ ความเพียรไว้ในสี่อสงไขยกำไรแสนกัป เพื่อบรรลุพระนิพพานอันเป็น ประโยชน์สูงสุด. บทว่า อญฺเ จ เปสเล พหู ความว่า ไม่ใช่เราได้ บำรุงพระพุทธเจ้าอย่างเดียวเท่านั้น ก็หาไม่ เชื่อมความว่า เราได้บำรุงท่าน ผู้มีศีล และพระสาวกเหล่าอื่นผู้บรรลุธรรมอันเลิศเป็นอันมาก และได้ บำรุงพระสารีบุตรเถระผู้เป็นพี่ชายของเรา.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 208
บทว่า ภาตรํ เม อุปฏฺหิตวา ความว่า เราได้บำรุงพี่ชายของเรา แล้วทำวัตรปฏิบัติ ในกาลที่ท่านปรินิพพานแล้ว เพราะท่านปรินิพพานก่อนพระผู้มีพระภาคเจ้า เราก็ถือเอาพระธาตุของท่าน เกลี่ยลงในบาตร แล้วน้อมเข้าไปถวายพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐกว่าโลก
บทว่า อุโภ อตเถหิ ปคฺคยฺห ความว่า พระผู้มีพระภาคเจ้านั้นถือเอาพระธาตุที่เราให้แล้วนั้น โดยประการด้วยมือทั้งสองของพระองค์เมื่อจะแสดงพระธาตุนั้นด้วยดี จึงระบุคือประกาศความที่พระสารีบุตรเถระเป็นพระอัครสาวก. คำที่เหลือมีอรรถคนทั้งนั้นแล.
จบอรรถกถาจุนทเถราปทาน
จบวรรคที่ ๕
รวมอปทานที่มีในวรรคนี้ คือ
๑. อุปาลิเถราปทาน
๒. โสณโกฏิยเวสสเถราปทาน
๓. ภัททิยกาฬิโคธายปุตตเถราปทาน
๔. สันนิฏฐาปกเถราปทาน
๕. ปัญจหัตถิยเถราปทาน
๖. ปทุมัจฉทนิยเถราปทาน
๗. สยนทายกเถราปทาน
๘. จังกมทายกเถราปทาน
๙. สุภัททเถราปทาน
๑๐. จุนทเถราปทาน.
คาถาในวรรคนั้น มี ๑๔๔ คาถา
จบอุปาลิวรรคที่ ๕