ใกล้ปีใหม่แล้ว โดยมากทุกท่านก็ให้พรคนอื่น ให้พรมิตรสหายให้พรใครต่อใคร ให้พรตัวเองบ้างดีไหม พร คือ ความตั้งใจที่จะทำกุศลที่สามารถจะกระทำได้ โดยที่แม้คนอื่นจะให้พรท่านสักเท่าไรก็ตาม แต่ถ้าท่านไม่ให้พรแก่ตัวของท่านเอง คือ ไม่ตั้งใจที่จะทำกุศลทุกประการที่สามารถจะกระทำได้ อันนั้นก็เป็นแต่เพียงความคิดเรื่อง พร แต่พรจริงๆ นั้น คือ ความตั้งใจที่จะกระทำกุศล และกุศลก็อย่าได้คิดเรื่องของทานอย่างเดียว เพราะกุศลควรจะเป็นทุกประการ ไม่ใช่แต่เฉพาะในเรื่องของทานเท่านั้น อย่างท่านที่อาจจะไม่ได้พิจารณาตนเอง ไม่ได้พิจารณาจิตของตนเอง ถ้าให้พรแก่ตัวเองบ้าง คือว่า เริ่มพิจารณาจิตของตนเองไม่ใช่เพียงแต่ให้ทานกุศลเท่านั้น
ป 27/01/2564
ดีจังครับ อนุโมทนา อ่านแล้วซาบซึ้งจริงๆ สุดท้ายก็กลับมาอบรมบารมี ๑๐ ในชีวิตประจำวันและสติปัฏฐาน สิ่งใดล่วงไปแล้วก็เป็นอันล่วงไปแล้ว สิ่งใดยังไม่มาถึงก็เป็นอันไม่มาถึง ควรพิจารณาจิตในขณะนี้ (ไม่ใช่เป็นตัวตนไปจดจ้อง คิดนึกถึงสภาพธัมมะแต่เป็นสติที่เป็นอนัตตา เกิดระลึกสภาพธัมมะที่เป็นปัจจุบัน)
เชิญคลิกอ่านได้ที่...
ผู้มีราตรีเดียวเจริญ [ภัทเทกรัตตสูตร]
ทีฆนิกาย มหาวรรค
มหาปรินิพพานสูตร
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เราขอเตือนพวกเธอว่า สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา พวกเธอทั้งหลายจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิดฯ นี้เป็นพระปัจฉิมวาจาของพระตถาคต
อนุโมทนาทุกท่านที่ยังประโยชน์เพื่อผู้อื่น
การให้ปัน เจรจาไพเราะ บำเพ็ญประโยน์ ความวางตนสม่ำเสมอ ในธรรมนั้นๆ ตามควร เหล่านี้แล เป็นธรรมเครื่องสงเคราะห์ในโลก เหมือนสลักที่หัวเพลา คุมรถที่แล่นไปอยู่ฉะนั้น ถ้าธรรมเครื่องสงเคราะห์เหล่านี้ไม่มีไซ้ร มารดาหรือบิดาก็จะไม่พึงได้รับความนับถือหรือบูชาเพราะเหตุบุตร ก็เพราะเหตุที่บัณฑิตทั้งหลายยังเหลียวแลธรรมเครื่องสงเคราะห์เหล่านี้อยู่ เพราะเหตุนั้นบัณฑิตเหล่านั้น จึงได้ถึงความเป็นใหญ่และเป็นที่น่าสรรเสริญ
สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา พวกเธอทั้งหลายจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิดฯ นี้เป็นพระปัจฉิมวาจาของพระตถาคต น่าจะครอบคลุมได้ในทุกเรื่องถ้าไม่หลงลืมคำเตือนของท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องอบรมเจริญปัญญาและเจริญกุศลทุกประการ
ขออนุโมทนาค่ะ
ซาบซึ้งจริงๆ ...
ขออนุโมทนาครับ
สาธุ
กระทู้นี้น่าสนใจครับ
ตามความคิดเห็นที่ ๑
ควรพิจารณาจิตในขณะนี้ (ไม่ใช่เป็นตัวตนไปจดจ้อง คิดนึกถึงสภาพธัมมะแต่เป็นสติที่เป็นอนัตตา เกิดระลึกสภาพธัมมะที่เป็นปัจจุบัน) ดังนั้น ข้อความจากกระทู้ ที่ว่า
การให้พรแก่ตนเองบ้าง (คือการเริ่มพิจารณาจิตของตนเอง ไม่ใช่เพียงแต่ให้ทานกุศลเท่านั้น) ตรงนี้สำหรับเราๆ ท่านๆ ที่ศึกษาและมีความเข้าใจในขั้นฟังจะพิจารณาจิตได้อย่างไรครับ? เพราะปัญญาขั้นฟังจะเป็นเหตุปัจจัยให้สติเกิดระลึกสภาพธรรมตามความเป็นจริงในขณะนี้หรือ ซึ่งก็ต้องเล็กน้อยมาก
ผมเกรงว่าจะเกิดการเข้าใจผิด และเป็นจิตที่คิดถึงสภาพธรรม และเป็นเรื่องราวของสภาพธรรม มากกว่า ที่จะเป็นสติเกิดระลึก ครับ แล้วเข้าใจผิดคิดว่า เป็นสติที่เกิดขึ้นระลึก ตรงนี้ จึงอยากฟังความเห็นเพิ่มเติม ครับ
อนุโมทนา
ขออนุโมทนาครับ
อนุโมทนาคะ
โมทนาค่ะ
ใกล้ถึงวันปีใหม่แล้ว ก็เป็นเพียงสิ่งที่สมมติขึ้นเท่านั้น ทุกๆ ขณะจิตเกิดดับสืบต่อรวดเร็วมาก เกิดดับสืบต่อหาเบื้องต้น และเบื้องปลายไม่ได้ สิ่งที่ประเสริฐที่สุดก็คือการได้ฟังพระธรรมและพิจารณาให้เข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฎในขณะนี้เพื่อเกื้อกูลให้สติระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฎถูกต้องตามความเป็นจริง .... จนกว่าจะดับกิเลสได้หมดสิ้นเป็นสมุจเฉท ไม่ต้องเกิดอีกเลย
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เราขอเตือนพวกเธอว่า สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา พวกเธอทั้งหลายจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิดฯ
นี้เป็นพระปัจฉิมวาจาของพระตถาคต ทีฆนิกาย มหาวรรค มหาปรินิพพานสูตร
ใกล้ปีใหม่แล้ว ให้พรตัวเองบ้างดีไหม
ใกล้ถึงวันปีใหม่แล้ว เวลาปีหนึ่งๆ ที่กำลังจะผ่านพ้นไป เราได้เจริญในกุศลหรืออกุศลมากกว่ากัน ลองหยุดคิดพิจารณา แล้วเริ่มเจริญสติ พิจารณาสภาพตามความเป็นจริง เพื่ออบรมเจริญปัญญาให้มีมากขึ้นเรื่อยๆ ยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม สิ่งใดที่เราปฏิบัติขาดตกบกพร่องอยู่ก็ทำให้ดีขึ้น สิ่งใดที่เราปฏิบัติดีอยู่แล้วก็ควรเจริญให้มีมากขึ้นเรื่อยไป
ขอความสุขความเจริญในธรรมจงมีแด่ท่านผู้ใฝ่ในธรรมทุกท่าน
ขออนุโมทนาครับ