[เล่มที่ 50] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๑ - หน้า 186
เถรคาถา เอกนิบาต
วรรคที่ ๓
๙. หาริตเถรคาถา
ว่าด้วยคาถาของพระหาริตเถระ
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 50]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๑ - หน้า 186
๙. หาริตเถรคาถา
ว่าด้วยคาถาของพระหาริตเถระ
[๑๖๖] ได้ยินว่า พระหาริตเถระได้ภาษิตคาถานี้ไว้ อย่างนี้ว่า
แน่ะท่านหาริตะ ท่านจงยกตนของท่านขึ้นจากความเกียจคร้าน เหมือนช่างศรยกลูกศรขึ้นดัด ฉะนั้น ท่านจงทำจิตให้ตรงแล้วทำลายอวิชชาเสีย.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๑ - หน้า 187
อรรถกถาหาริตเถรคาถา
คาถาของท่านพระหาริตเถระ เริ่มต้นว่า สมุนฺนมยมตฺตานํ. เรื่อง ราวของท่านเป็นอย่างไร?
ได้ยินว่า ท่านเป็นผู้มีอธิการ อันกระทำไว้แล้วในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ เข้าไปสั่งสมกองการบุญกุศล อันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานไว้ ในภพนั้นๆ เห็นพระปัจเจกสัมพุทธเจ้า นามว่า สุทัสสนะ ในกัปที่ ๓๑ แต่ภัทรกัปนี้ เป็นผู้มีจิตเลื่อมใสแล้ว กระทำการบูชาด้วยดอกอัญชันเขียว ท่องเที่ยวไปในสุคติภพอย่างเดียว ด้วยบุญกรรมนั้น บังเกิดในตระกูลพราหมณ์มหาศาล ในพระนครสาวัตถี ในพุทธุปบาทกาลนี้. ท่านได้มีนามว่า หาริตะ
เมื่อเขาเจริญวัยแล้ว มารดาบิดาได้นำกุมารีผู้เป็นธิดาของพราหมณ์ ซึ่งสมควรกันโดยตระกูลและรูปเป็นต้นมาให้. เขาเสวยโภคทรัพย์ร่วมกับกุมารี นั้น มองดูรูปสมบัติของตนและของนางแล้ว อันธรรมดาตักเตือนอยู่ ได้ความสลดใจว่า ขึ้นชื่อว่า รูปเช่นนี้ จะถูกชราและมัจจุราชย่ำยีต่อกาลไม่นานเลย.
โดยล่วงไปไม่กี่วันนัก งูเห่า กัดภรรยาของเขาจนถึงตาย เขาเกิด ความสลดใจด้วยเหตุนั้น เกินประมาณ ไปสำนักของพระศาสดาแล้ว ฟังธรรม ตัดความผูกพันในเรือนได้แล้ว ออกบวช เมื่อท่านเรียนกรรมฐานอันสมควรแก่จริตอยู่ กรรมฐานก็ไม่สำเร็จ จิตไม่แล่นไปตรงทาง ท่านเข้าไปสู่บ้าน เพื่อบิณฑบาต เห็นช่างศรคนหนึ่ง ใส่ลูกศรเข้าในเครื่อง ทำการดัดให้ตรง ก็คิดว่า ช่างศรเหล่านี้ ยังดัดลูกศรแม้ชื่อว่าหาเจตนามิได้ให้ตรง เหตุไรเราจึงไม่ทำจิต (ของตน) ให้ตรงเล่า ดังนี้แล้ว กลับแค่นั้นเองนั่งปรารภวิปัสสนา ในที่พักกลางวัน.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๑ - หน้า 188
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า ประทับนั่งในอากาศเบื้องบนของท่าน เมื่อจะประทานโอวาท ได้ตรัสพระคาถาความว่า
ดูก่อนหาริตะ เธอจงยกตนของเธอขึ้นจากความเกียจคร้าน เหมือนช่างศรยกลูกศรขึ้นดัด ฉะนั้น เธอจงทำจิตให้ตรง แล้วทำลายอวิชชาเสีย ดังนี้.
ก็อาจารย์บางพวกกล่าวว่า พระเถระนี้แหละ เมื่อจะสอนตนเหมือน สอนคนอื่น ได้กล่าว (คาถานี้) ไว้.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สมุนฺนมยํ ความว่า เมื่อจะยกตนขึ้นโดยชอบ อธิบายว่า เมื่อยกตนจากความเกียจคร้านนั้น ไม่ให้ตกไปในฝ่ายโกสัชชะ ด้วยอำนาจแห่งสมาบัติ ประกอบให้บริบูรณ์ด้วยความเพียร.
บทว่า อตฺตานํ ได้แก่ จิต. อีกอย่างหนึ่ง บทว่า สมุนฺนมยํ ความว่า ยกตนขึ้นจากธรรมที่เป็นฝ่ายโกสัชชะ. ม อักษร กระทำการเชื่อมบท. อธิบายว่า ถ้าจิตของเธอไม่ดำเนินไปตรงแนวกรรมฐาน เพราะความเป็นผู้มีความเพียรเลวไซร้ เธอจงยกจิตนั้นขึ้นโดยชอบ ด้วยสามารถแห่งการปรารภความเพียร คือ กระทำไม่ให้ย่อหย่อน ไม่ให้มีปมด้อย ความก็ว่า ดูก่อนหาริตะ เมื่อเธอทำอย่างนี้ ชื่อว่า (ยกตนขึ้นจากความเกียจคร้าน) เหมือนช่างศรยกลูกศรขึ้นดัดฉะนั้น เธอจงทำจิตให้ตรงแล้ว ทำลายอวิชชาเสีย เปรียบเหมือนช่างศร เมื่อจะดัดลูกศรที่คดและไม่ตรง แม้นิดหน่อยย่อมดัดให้ตรง เพื่อจะยิงได้ตรงเป้า ฉันใด เธอก็ฉันนั้นเมื่อจะดัดจิตที่หดหู่ เพราะตกไปในโกสัชชะ โดยไม่ได้รักษาไว้ จิตที่หดหู่ เพราะตกไปในอุทธัจจะ โดยที่ไม่ได้รักษาไว้ ต้องทำจิตให้ตรง โดยการถึงอัปปนา เป็นผู้มีจิตตั้งมั่น
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๑ - หน้า 189
แล้ว ขวนขวายวิปัสสนา จงทำลาย คือ ขจัดอวิชชา ด้วยมรรคญาณอันเลิศ โดยพลัน. พระเถระฟังพระคาถามนั้นแล้ว เจริญวิปัสสนา ได้เป็นพระอรหันต์ โดยกาลไม่นานนัก. สมดังคาถาประพันธ์ที่ท่านกล่าวไว้ในอปทานว่า
ในที่ไม่ไกลภูเขาหิมวันต์ มีภูเขาลูกหนึ่ง ชื่อว่า วสละ พระปัจเจกพุทธเจ้านามว่า สุทัสสนะ อยู่ที่ซอกเขา เราถือดอกไม้ที่เกิดในป่าหิมพานต์ เหาะขึ้นสู่อากาศ ณ ที่นั้น เราได้เห็นพระสัมพุทธะผู้ข้ามพ้นโอฆะ ไม่มีอาสวะ ครั้งนั้น เราถือเอาดอกอัญชันเขียว จบเหนือเศียรเกล้าแล้ว บูชาพระสยัมภูพุทธเจ้า ผู้แสวงหาประโยชน์อันยิ่งใหญ่ ในกัปที่ ๓๑ แต่ภัทรกัปนี้ เราได้เอาดอกไม้ใดบูชา ด้วยการบูชานั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งพุทธบูชา. เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ฯลฯ คำสอนของพระพุทธเจ้า เราทำสำเร็จแล้ว ดังนี้.
ก็พระเถระครั้นบรรลุพระอรหัตแล้ว แม้เมื่อพยากรณ์อรหัตตผลก็ได้ กล่าวคาถานั้นแหละ.
จบอรรถกถาหาริตเถรคาถา