กามคุณ ๕ ในโลก มีใจเป็นที่ ๖
อันท่านชึ้แจงไว้แล้ว
บุคคลคลายความพอใจในกามคุณนี้แล้ว
ย่อมพ้นจากทุกข์
ขณะที่ฟังพระธรรมแล้วเข้าใจ ขณะนั้นจิตผ่องใส ปราศจากกามตัณหาแต่ขณะที่ฝักใฝ่อยู่ในกามคุณ ๕ ขณะนั้นหลงลืมสติ มีความเพ่งเล็ง กำหนัดยินดีในกามถ้าสติปัฏฐานไม่เกิด ก็คือไม่รู้ว่าความปรารถนาในกามนั้น เป็นธรรมอย่างหนึ่งครับกามตัณหา เป็นกิเลสที่ยังละไม่ได้เด็ดขาดสำหรับปุถุชนอย่างเราแต่ก็เริ่มอบรมขัดเกลาได้ ด้วยปัญญาที่เห็นถูกว่า สิ่งที่ปรากฏนั้นเป็นธรรม
เมื่อปัญญารู้ชัดความจริงมากขึ้น ปัญญาย่อมเห็นอุบายเครื่องสลัดออกซึ่งความติดข้องนั้นได้อย่างถูกทาง เป็นไปเพื่อการที่จะถึงการดับความติดข้องนั้นโดยมีความเห็นถูกว่า สิ่งที่มีจริง เป็นธรรม ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตนจึงจะช่วยให้คลายออกจากทุกข์ที่เกิดเพราะตัณหาได้ตามลำดับของปัญญา
ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาคุณหมอครับ
เป็นความคิดเห็นที่ดีครับ ผมอ่านข้อธรรมนี้แล้ว รู้สึกว่าถ้าค่อยๆ เข้าใจธรรมเพี่มขึ้น การคลายความพอใจในกามคุณก็ค่อยๆ เพี่มขึ้น
โปรดคลิกที่นี่
ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาคุณ chaiyut ครับ
คลิกที่นี่
" ถ้าค่อยๆ เข้าใจธรรมเพี่มขึ้น การคลายความพอใจในกามคุณก็ค่อยๆ เพี่มขึ้น "
เป็นจริงอย่างนั้นครับคุณหมอ น่าอัศจรรย์พระคุณของพระธรรม
ขออนุโมทนาครับ
ถูกต้องครับ
[เล่มที่ 18] พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้า 112
[เล่มที่ 18] พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้า 119