จะทราบได้อย่างว่าเรามีจิตอยู่ มีวิธีการพิสูจน์หรือรู้ตัวอย่างไร
ผู้ที่ไม่มีจิต คือคนที่ตายแล้ว ส่วนผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ มีการเห็นทางตา ได้ยินทางหู รู้กลิ่นทางจมูก รู้รสทางลิ้น รู้สิ่งกระทบทางกาย มีการคิดนึกทางใจ ชื่อว่า มีจิต สรุปคือ จิตเป็นสภาพรู้ ขณะใดมีลักษณะรู้ ขณะนั้นมีจิต แม้นอนหลับสนิทจิตก็เกิดขึ้นกระทำกิจ
ในขณะที่หลับสนิท (จิตเป็นภวังค์) โลกนี้จึงไม่ปรากฎ แต่ก็ยังมีจิตเพราะยังมีลมหายใจ คือ รูปที่เกิดจากจิต ซึ่งคนตายไม่มีค่ะ เพราะฉะนั้น การจะพิสูจน์ว่ามีจิต ก็ต้องเป็นในขณะที่เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้กระทบสัมผัส และคิดนึกเท่านั้นค่ะ ส่วนจิตอื่นนั้นเกินปัญญาของเราที่จะรู้ได้เพราะไม่ปรากฎให้รู้
ลักษณะการเกิดขึ้นของจิต มี ๔ ชาติ คือ
๑. อกุศลชาติ ๒. กุศลชาติ ๓. วิบากชาติ ๔. กิริยาชาติ
จิต เป็นนามธรรม เป็นสภาพรู้ จึงไม่มีตัวเราที่จะไป " พิสูจน์จิต " ไม่มีตัวเราที่จะไป " รู้ตัว " ประโยชน์ที่ได้จากศึกษาพระธรรม คือ อบรมเจริญสติปัฏฐาน ระลึกรู้ สภาพธรรมที่ปรากฎในชีวิตประจำวัน ทั้ง จิต เจตสิกและรูป ตรงลักษณะที่กำลังปรากฏในขณะนี้
จิตไม่ใช่สิ่งที่ลึกลับรู้ไม่ได้ จริงๆ แล้ว จิตมีอยู่ตลอดเวลาแต่ไม่รู้ว่าเป็นจิตเท่านั้นเอง เพราะเคยชินที่ยึดถือจิตที่เกิดขึ้น ทำกิจแล้วดับไปนั้นเป็นเรา เลยไม่รู้จักจิต เห็นเป็นจิต ได้ยินเป็นจิต ได้กลิ่นเป็นจิต รู้รสเป็นจิต รู้เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ตึง ไหว เป็นจิต คิดนึกเป็นจิต โกรธเป็นจิต โลภเป็นจิต จิต คือสิ่งที่มีจริงใน ชีวิตประจำวันเรานี้เอง
จิตทั้งหมดเป็นสภาพรู้ เป็นใหญ่ในการรู้อารมณ์ อย่างเสียงที่อยู่นอกบ้านถ้าไม่มีจิตรู้เสียง เสียงก็ไม่ปรากฎ สิ่งที่ปรากฎทุกอย่างเป็นอารมณ์ของจิต นิพพานก็เป็นอารมณ์ของจิต แต่ไม่เกิดไม่ดับ อารมณ์ หมายถึง สิ่งที่จิตรู้
ยินดีในกุศลจิตค่ะ