กราบสวัสดีพี่ๆ กัลยาณมิตรทุกๆ ท่านครับผมเป็นผู้มาใหม่ ซึ่งได้รู้จักเวปนี้มาสักระยะหนึ่งเพราะ "บุญแท้ๆ " ที่ได้เหนี่ยวนำให้ผมได้มาฟังธรรมะจากอาจารย์สุจินต์รู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง แต่ใจก็แช่มชื่นเพราะรู้ว่าสิ่งที่ได้ฟังอยู่นั้นไม่เคยได้ฟังมาก่อนและชอบที่อาจารย์สุจินต์สาธยายได้อย่างละเอียดลึกซึ้ง
ผมเคยได้ยิน และรู้จักชื่ออาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ จากการฟังวิทยุam.เมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นฟังแล้วรู้สึกเฉยๆ ... มาระยะ๒ปีหลัง ผมมาศึกษาและทดลองปฏิบัติ ในแนวทางดูจิตด้วยความรู้สึกตัวของพระอาจารย์ปราโมทย์ ปราโมชโช ทำให้เกิดความพลิกผันในความเห็นบางอย่างประกอบกับ ได้ยินชื่ออาจารย์สุจินต์จากการเทศน์ของหลวงพ่อ ก็ยังไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่ารู้ว่าอาจารย์สุจินต์ท่านสอนอภิธรรม ซึ่งความรู้สึกที่ผมมีต่ออภิธรรมนั้นช่างเป็นเรื่องที่ยากและบางครั้งเกินความจำเป็นในการศึกษาธรรม
จนกระทั่งในเย็นวันหนึ่ง เมื่อสองเดือนก่อน ระหว่างรอภรรยาไปซื้อของในห้างฯผมเปิดวิทยุฟังรายการของอาจารย์สุจินต์ มีผู้หนึ่งถามเกี่ยวกับเรื่องขณะจิตในการเจริญสติปัฏฐาน ผมจำใจความได้ไม่ชัดเจน เพราะไม่ได้ตั้งใจฟังเท่าไรจากนั้นอาจารย์สุจินต์ได้ตอบว่า..."สติที่เกิดในสติปัฏฐานนั้น จะเกิดเป็นขณะๆ และสตินั้นจะรู้ที่กายและใจเท่านั้น ไม่ไปรู้สิ่งอื่น"... พอประโยคนี้ผ่านหูเท่านั้นมันเกิดอัศจรรย์กับชีวิตของผม ขณะจิตนั้นทุกสิ่งทุกอย่างรอบกายมันเกิดเป็นลักษณะเหมือนแผ่นกระดาษที่แบนราบที่ฉีกขาดไม่ประติดประต่อกัน มองดูกายและสภาพแวดล้อมโดยรอบเห็นรูปแต่ไม่รู้ว่าคืออะไร เห็นเป็นเพียงแค่รูป ยังไม่ปรุงนาม มันย้อนทวนมาที่จิต แต่ละขณะๆ ที่เกิดรูปผ่านทางประสาทตา ตรงนั้นเกิดความตั้งมั่นดิ่งเข้าๆ อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในชีวิต และไม่ได้จงใจจะตั้งมั่น ขณะนั้นผมเกิดปีติอย่างแรงจนถึงกับร้องให้ ตอนนั้นผมอยากไปกราบอาจารย์สุจินต์มากครับ ประโยคที่ท่านสาธยาย ทำให้ธรรมะบางแง่มุมแสดงตัวกับจิตผมหลังจากวันนั้นมาผมจึงได้สืบค้นข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับธรรมมะจากอาจารย์สุจินต์จึงได้มาพบเวปนี้ และได้อ่าน-ฟังธรรมะของอาจารย์สุจินต์เหมือนคนที่อดอยากหิวโหยมานาน ผมเชื่อสนิทใจจริงๆ ว่าธรรมะนั้นต้องศึกษาให้เข้าใจก่อนแล้วจึงลงมือปฏิบัติแต่เอาเข้าจริง ผมจับหลักได้ว่าถ้าเข้าใจ..หมายถึงเข้าใจจริงๆ ขณะนั้นชื่อว่าได้ปฏิบัติแล้วโอกาสนี้ ผมขออนุญาตเป็นส่วนหนึ่งของเวปที่อบอุ่นและเกื้อกูลแห่งนี้ด้วยนะครับทินกฤต สุนทรสาร
ยินดีต้อนรับสู่บ้านธัมมะเพื่อศึกษาสภาพธรรมตามความเป็นจริงครับ
ต้องฟังและศึกษาอีกมากทีเดียว เพียงเท่านี้ยังไม่เพียงพอเพื่อการรู้แจ้ง
สภาพธรรมที่ละเอียด สุขุมลุ่มลึก ยากที่หยั่งถึง ต้องรู้ด้วยปัญญาครับขออนุโมทนา
สิ่งที่ไม่มี.......คืออะไร?
แล้วสิ่งที่มี........คืออะไร?
ค้นหาคำตอบได้ที่บ้านแห่งนี้นะคะ
ยินดีต้อนรับสู่.......บ้านธัมมะค่ะ
ยินดีที่ได้รู้จักสหายธรรมะ และเป็นชาติที่ประเสริฐที่สุดทีได้ศึกษาธรรมะร่วมกันค่ะ
ขอบพระคุณสำหรับกำลังใจครับ ยังมีธรรมะที่ผมยังรู้ไม่ตรงอีกมาก คงต้องรีบเร่งศึกษา
แต่ตอนนี้ทำอย่างไรดี ผมหาเมนูคำสั่งที่ใช้แก้ข้อความที่โพสไม่เจอครับ
รบกวนช่วยแนะนำด้วยครับ
มาต้อนรับ คำนับน้อม สหายใหม่ อย่ารีบ ลน ร้อนใจ ใฝ่ศึกษา
เมื่อไม่มี ตัวตน ในกายา จึงชื่อว่า สิ่งไม่มี นี่แท้จริง
ก็ตัวตน แน่นหนา ในสังสารวัฏฏ์ อย่าเร่งรีบ ปฏิบัติ ในทุกสิ่ง ค่อยๆ ฟัง ด้วยดี สิ่งมีจริง ฟังให้ยิ่ง ทุกขณะ ไม่ละ "ฟัง"
ขออนุโมทนา
ผมเชื่อสนิทใจจริงๆ ว่าธรรมะนั้นต้องศึกษาให้เข้าใจก่อนแล้วจึงลงมือปฏิบัติแต่เอาเข้าจริง ผมจับหลักได้ว่าถ้าเข้าใจ..หมายถึงเข้าใจจริงๆ ขณะนั้นชื่อว่าได้ปฏิบัติ
ขออนุโทนาเป็นอย่างยิ่งครับ
ยินดีต้อนรับด้วยพระธรรม
จริงๆ แล้ว เราก็เป็นอะไรมาแลัวทุกอย่าง ชาตินี้ดีใจและรู้สึกยินดีที่ได้รู้จักสหายธรรมเพิ่มขึ้น การเป็นมิตรกันเพื่อนกัน จริงใจกันก็พอแล้วละ เพื่อนย่อมช่วยเพื่อนเสมอ ค่อยๆ สะสมการฟัง การศึกษา ความรู้ความเข้าใจเกิดได้ จากการสะสมการฟัง การศึกษา ไม่ต้องทำอะไรเลย นอกจากการฟังให้เข้าใจและ ศึกษาให้เข้าใจ ตรงตามหลักคำสอนในพุทธศาสนา ที่มีท่านที่ศึกษา
และอธิบายให้ท่านรู้ถูกเข้าใจถูกได้
ขออนุโมทนา
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาคุณทินกฤต สุนทรสาร ที่เข้ามาร่วมศึกษาธรรมะด้วยกัน
ยินดีต้อนรับค่ะ
ขอบพระคุณพี่ๆ ที่มาต้อนรับ ให้กำลังใจ อบอุ่นมากครับ พี่ๆ ทุกท่านที่แต่งกลอน แต่งได้ไพเราะจริงๆ ผมเริ่มศึกษาธรรมะที่นี่ด้วยการฟัง ฟัง ฟัง แล้วก็ฟัง พยายามฟังให้มากแต่คิดให้น้อยที่สุด ไม่ทราบว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า ในขณะที่ฟังธรรมสบายๆ นั้น ผมรู้สึกว่าจิตมันแอบฟังอย่างตั้งใจ มากกว่าผมเสียอีก แต่ธรรมะบางเรื่องหลักๆ ต้องทำความเข้าใจให้ได้ จนบางครั้งถึงกับต้องถอดเสียงออกมาแล้วพิมพ์ตามแต่ก็คุ้มครับ เพราะมันจะลืมยาก ขอสารภาพว่า บางคราวจิตก็เกิดอกุศลมีมานะ อยากจะรู้ธรรมะให้มากๆ กว่าชาวบ้าน รู้สึกว่ายิ่งรู้มากความเป็นตัวตนก็เข้มขึ้น ตรงนี้ผมต้องระวังตนเองตลอด ผมเห็นจิตตัวเองเหมือนฟาร์มเพาะเชื้อกิเลส มีทุกประเภทจริงๆ ครับ
ในฐานะที่เป็นผู้มาใหม่ หากมีสิ่งใดที่ผมยังขาดพร่องอยู่ ขอความกรุณาพี่ๆ ช่วยเกื้อกูลเติมธรรมทานส่วนที่ยังขาด ด้วยนะครับ
ยินดีต้อนรับ สู่บ้านธัมมะ นะคะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ยินดีต้อนรับครับ
ด้วยความเป็นมิตรค่ะ
ศึกษาอย่างค่อยเป็นค่อยไป
[น้อยๆ หน่อยๆ เนืองๆ นานๆ ]
เชิญคลิกอ่านได้ที่
มิตรอันประเสริฐ [คาถาที่ ๔๑]
ขอให้เจริญในกุศลธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปนะครับ
และก็ขอให้ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจยิ่งๆ ขึ้นไปด้วยครับ
ขออนุโมทนา
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอยกข้อความส่วนหนึ่งในพระไตรปิฎก
ส่วนนรชนเหล่าใด ยินดีแล้วใน ธรรมที่พระอริยเจ้าประกาศแล้ว นรชน เหล่านั้น เป็นผู้ประเสริฐ ว่าสัตว์ที่เหลือด้วย วาจา ด้วยใจ และการงาน นรชนเหล่านั้น ดำรงอยู่ด้วยดีแล้วในสันติ โสรัจจะ และ สมาธิ ได้บรรลุถึงธรรมอันเป็นสาระแห่งสติ และปัญญา.
เชิญคลิกอ่าน..เพิ่มเติมจะบรรลุประโยชน์สูงสุดได้อย่างไร [กิงสีลสูตรที่ ๙] ขออนุโมทนาค่ะ
ขอต้อนรับด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่งค่ะ
และคงอยู่บ้านหลังนี้ไปอีกนานเท่าที่เป็นไปได้
(ก็คือตามเหตุปัจจัยนั่นแหละ)