เรียนอาจารย์ทั้งสองท่าน
"ธาตุดัง" ในคำถอดเทปของท่านอาจารย์ในประมาณตอนที่ ๒๔๗-๙ ของคุณย่า กระผมไม่เข้าใจว่าธาตุดังเป็นอย่างไร ขอความอนุเคราะห์อาจารย์กรุณาให้ความเข้าใจด้วยครับ
ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ธาตุดัง ก็คือ เสียงนั่นเอง ครับ ไม่พ้นจากธาตุและธรรม ที่เป็นรูปธรรมเรียกว่า สัททรูป
สัททรูป คือ รูปเสียง หมายถึง สิ่งที่สามารถปรากฏได้ทางหู ซึ่งมีลักษณะที่ดัง และกระทบกับ โสตปสาท จะเป็นความดังค่อย ดังแรง ดังแหลม ดังทุ้มอย่างไร ก็เป็นเพียงความดังที่ปรากฏได้ทางหู ในขณะปัจจุบัน เท่านั้น เป็นสภาพที่ไม่รู้อารมณ์อย่างหนึ่ง ฉะนั้นความหมายที่รู้จากเสียงนั้นจึงไม่ใช่เสียงแต่เป็นบัญญัติซึ่งจิตทางมโนทวารคิดตามหลังจากที่จิตได้ยินเสียงทางหูดับไปแล้ว
สัททรูป คือ เสียง จะดังที่ไหน ในป่า ในเขา หรือในที่ห่างไกลอย่างไรก็ยังคงเป็นสัททรูป แต่ถ้ามีจิตได้ยินเสียง หรือ จิตที่รู้เสียงเกิดขึ้น จึงรู้เสียงนั้นได้ ซึ่งเสียงที่เกิดจาก อุตุ เช่น วัตถุ กระทบกัน ทำให้เกิดเสียง แต่ถ้าเสียงที่เกิดจากจิต ก็เช่น การเปล่งวาจา เพื่อสื่อความหมาย ครับ
ขออนุโมทนา
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
เรียนอาจารย์ทั้งสองท่าน
ความดังของเสียงแต่ละเสียงจะเป็นแต่ละธาตุหรืออย่างไรครับ ขอความอนุเคราะห์ด้วยครับ ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
เรียนความเห็นที่ 3 ครับ
ความดังที่ต่างกัน ก็เป็นธาตุเดียวกัน คือ เสียง ที่เป็น สัททรูป ครับ ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เสียงเป็นสภาพธรรมที่มีจริงๆ เกิดจาก ๒ สมุฏฐาน คือ จิต กับ อุตุ ตามควรแก่กลุ่มของรูปนั้นๆ และจะปรากฏก็ต่อเมื่อมีสภาพธรรมที่เป็นนามธรรม คือ จิตเกิดขึ้นรู้เสียงนั้น เพราะเสียงมีมาก แต่เสียงใดเป็นอารมณ์ของจิต เสียงนั้นก็เป็นสัททารมณ์ ถ้าเป็นเสียงใดที่ไม่ได้เป็นอารมณ์ เสียงนั้นก็ไม่เป็นสัททารมณ์ แต่ความเป็นจริงของเสียง ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ