[เล่มที่ 48] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 473
๒. ปุริสวิมานวัตถุ
มหารถวรรคที่ ๕
๖. ปฐมกรณียวิมาน
ว่าด้วยปฐมกรณียวิมาน
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 48]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 473
๖. ปฐมกรณียวิมาน
ว่าด้วยปฐมกรณียวิมาน
พระมหาโมคคัลลานเถระถามเทพบุตรองค์หนึ่งว่า
[๕๖] วิมานเสาแก้วมณีนี้สูง ๑๒ โยชน์ โดยรอบ มีห้องรโหฐาน ๗๐๐ ห้อง โอฬาร ฯลฯ และวรรณะของท่านจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.
เทพบุตรนั้นดีใจ ถูกพระโมคคัลลานะถามแล้ว ก็พยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผลอย่างนี้ว่า บัณฑิตผู้รู้แจ้งพึงกระทำบุญทั้งหลายในพระพุทธเจ้าผู้เสด็จไปแล้วโดยชอบ ซึ่งเป็นเขตที่ถวายทานแล้วมีผลมาก ข้าพเจ้าทำจิตให้เลื่อมใสในพระองค์ว่า พระพุทธเจ้าเสด็จจากป่ามาสู่บ้านเพื่อประโยชน์แก่เราหนอ จึงเข้าถึงดาวดึงส์ เพราะบุญนั้น วรรณะของข้าพเจ้าจึงเป็นเช่นนี้ เพราะบุญนั้น ผลอันนี้จึงสำเร็จแก่ข้าพเจ้า ฯลฯ และวรรณะของข้าพเจ้าจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.
จบปฐมกรณียวิมาน
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 474
อรรถกถาปฐมกรณียวิมาน
ปฐมกรณียวิมาน มีคาถาว่า อุจฺจมิทํ มณิถูณํ เป็นต้น. ปฐมกรณียวิมานนั้นเกิดขึ้นอย่างไร?
พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน กรุงสาวัตถี สมัยนั้น อุบาสกชาวสาวัตถีคนหนึ่ง ถือเครื่องอุปกรณ์อาบน้ำไปแม่น้ำอจิรวดี กำลังเดินมา เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จเข้าบิณฑบาตยังกรุงสาวัตถี เข้าไปถวายบังคมแล้วกราบทูลอย่างนี้ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ใครนิมนต์แล้วหรือยัง พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงดุษณี อุบาสกนั้นทราบว่า ยังไม่มีใครนิมนต์ กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอนิมนต์พระผู้มีพระภาคเจ้าโปรดอนุเคราะห์รับภัตตาหารของข้าพระองค์เถิด พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับนิมนต์ด้วยดุษณีภาพ อุบาสกนั้นดีใจ นำพระผู้มีพระภาคเจ้าไปเรือน ปูลาดอาสนะที่สมควรแก่พระพุทธเจ้า แล้วนิมนต์พระผู้มีพระภาคเจ้าให้ประทับนั่งบนอาสนะนั้น เลี้ยงดูจนอิ่มหนำด้วยข้าวน้ำอันประณีต พระผู้มีพระภาคเจ้าเสวยเสร็จแล้ว ทรงทำอนุโมทนาแก่อุบาสกนั้น เสด็จหลีกไป เรื่องที่เหลือเช่นกับวิมานกล่าวมาติดๆ กัน เพราะเหตุนั้นท่านจึงกล่าวว่า
วิมานเสาแก้วมณีนี้สูง ๑๒ โยชน์ โดยรอบ มีห้องรโหฐาน ๗๐๐ ห้อง โอฬาร มีเสาแก้วไพฑูรย์ ลาดด้วยเครื่องลาดที่ชอบใจ สวยงาม ท่านนั่งดื่มกินในวิมานนั้น มีพิณทิพย์บรรเลงไพเราะ มีเบญจกามคุณ มีรสเป็นทิพย์ และเทพนารีแต่งองค์ด้วยอาภรณ์ทองฟ้อนรำอยู่ เพราะบุญอะไร วรรณะของท่านจึงเป็น
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 475
เช่นนี้ เพราะบุญอะไร ผลอันนี้จึงสำเร็จแก่ท่าน และโภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดแก่ท่าน.
ดูก่อนเทวะผู้มีอานุภาพมาก อาตมาขอถามท่าน ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ท่านได้ทำบุญอะไรไว้ เพราะบุญอะไร ท่านจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และวรรณะของท่านจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.
เทวบุตรนั้นดีใจ ถูกพระโมคคัลลานะถามแล้ว ก็พยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผลอย่างนี้ว่า บัณฑิตผู้รู้แจ้งพึงกระทำบุญทั้งหลายในพระพุทธเจ้าผู้เสด็จไปแล้วโดยชอบ ซึ่งเป็นเขตที่ถวายทานแล้วมีผลมาก ข้าพเจ้าทำจิตให้เลื่อมใสในพระองค์ว่า พระพุทธเจ้าเสด็จจากป่ามาสู่บ้านเพื่อประโยชน์แก่เราหนอ จึงเข้าถึงดาวดึงส์ เพราะบุญนั้น วรรณะของข้าพเจ้าจึงเป็นเช่นนี้ เพราะบุญนั้น ผลอันนี้จึงสำเร็จแก่ข้าพเจ้า และโภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดแก่ข้าพเจ้า.
ข้าแต่ภิกษุผู้มีอานุภาพมาก ข้าพเจ้าขอบอกแก่ท่าน ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ ข้าพเจ้าได้ทำบุญใดไว้ เพราะบุญนั้น ข้าพเจ้าจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และวรรณะจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ปณฺฑิเตน ได้แก่ ผู้มีปัญญา. บทว่า วิชานตา ได้แก่ รู้ประโยชน์และมิใช่ประโยชน์ของตน. บทว่า สมฺมคฺคเตสุ ได้แก่ ผู้ปฏิบัติโดยชอบ. บทว่า พุทฺเธสุ ได้แก่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 476
บทว่า อตฺถาย ได้แก่ เพื่อประโยชน์ อีกอย่างหนึ่ง เพื่อความเจริญ. บทว่า อรญฺา ได้แก่ จากวิหาร ท่านกล่าวหมายถึงพระเชตวัน. บทว่า ตาวตึสูปโค ความว่า เข้าถึงหมู่เทพชั้นดาวดึงส์ หรือภพชั้นดาวดึงส์โดยอุบัติ. คำที่เหลือมีนัยดังกล่าวแล้วนั่นแล.
จบอรรถกถาปฐมกรณียวิมาน