การเจริญปัญญานั้นต้องรู้ทั่วจริงๆ จึงจะละได้
โดย chatchai.k  17 ต.ค. 2565
หัวข้อหมายเลข 44770

ถ. จะเป็นอย่างนี้ได้ไหม พระผู้มีพระภาคท่านเป็นสัพพัญญูรู้แจ้งอัธยาศัยของสัตว์โลกทั้งหมด การที่ท่านบัญญัติสภาวะไว้ในบรรพต่างๆ ก็เพื่อให้สัตว์ทั้งหลายผู้ที่เจริญสติปัฏฐาน หรือกำลังเจริญสติปัฏฐานได้มีโอกาสเลือกว่า เจริญอย่างไหนจึงจะสะดวก เจริญอย่างไหนจึงจะไม่สะดวก สำหรับอัธยาศัยของสัตว์แต่ละท่าน

สุ. จากความเป็นปุถุชนสู่ความเป็นพระอริยบุคคลด้วยอวิชชา หรือด้วยปัญญา เพราะไม่รู้โน่นไม่รู้นี่ หรือเพราะรู้ทั่ว จึงได้ละการยึดถือนามและรูปว่าเป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นตัวตน

ขณะที่กำลังเลือก เป็นสติหรือเปล่า เป็นสัมมาสติ หรือไม่ใช่สัมมาสติ ในขณะที่คิด จงใจจะรู้เฉพาะรูปนั้น ที่นั่น ในลักษณะนั้น ไม่ให้สติระลึกรู้ลักษณะของนามของรูปอื่นๆ เป็นตัวตนที่กั้นไว้หรือเปล่า เป็นการเจริญสติ เป็นการเจริญปัญญา หรือเป็นการบังคับสติ กั้นปัญญาไม่ให้รู้อย่างอื่น ไม่ให้รู้ทั่ว

ท่านผู้ฟังท่านหนึ่งถามว่า ในพระไตรปิฎกจะไม่มีพยัญชนะสักแห่งหนึ่งหรือที่ทรงแสดงว่า ผู้นั้นมีจริตอัธยาศัยอย่างนั้นก็เจริญสติปัฏฐานนั้น บางท่านอาจจะเจริญเวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน บางท่านอาจจะเจริญธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน แม้พระผู้มีพระภาคเองในพระไตรปิฎกก็มีข้อความว่า ทรงเจริญอานาปานสติเป็นอันมาก แต่ท่านจะต้องเข้าใจพระไตรปิฎกทั้ง ๓ ปิฎกให้สอดคล้องกันด้วย เพราะเหตุว่าแม้ในพระไตรปิฎกจะมีพยัญชนะที่ว่าท่านผู้นั้นเจริญอานาปานสติก็ตาม แต่ไม่ได้หมายความว่า ท่านจะไม่รู้ลักษณะของนามและรูปชัดตามความเป็นจริงทั้ง ๖ ทาง แล้วไปเลือกเจริญอานาปานสติเท่านั้น

ก่อนที่จะรู้แจ้งเป็นพระอริยบุคคลนั้น จะต้องมีความรู้ทั่วในโลกทั้งทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ในนาม ในรูปที่เกิดกับท่านเพราะเหตุปัจจัยตามความเป็นจริงก่อน เมื่อรู้ทั่วแล้ว มีปัญญาที่สมบูรณ์เพิ่มขึ้น มากขึ้นแล้ว สติจะน้อมไประลึกรู้ลักษณะของนามใด รูปใด นั่นเป็นสติของแต่ละบุคคล แต่ไม่ใช่หมายความว่า ก่อนที่จะรู้ชัด รู้ทั่ว ในนาม ในรูป ทั้งทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ จะมีตัวตนที่คอยไปบังคับสติ คอยกั้นสติ คอยให้รู้เฉพาะรูปนั้นหรือนามนี้เท่านั้น นั่นไม่ใช่การเจริญปัญญา

ถ้าเป็นการเจริญปัญญา ต้องละความสงสัย ละวิจิกิจฉา ละความไม่รู้ในลักษณะของนามและรูปทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ และปัญญาก็สมบูรณ์ขึ้นเป็นลำดับขั้น

เมื่อปัญญารู้ทั่ว รู้ชัด มีความสมบูรณ์ขึ้นแล้ว สติจะระลึกรู้ลักษณะของรูปใดนามใด ก็ไม่มีวิจิกิจฉา ไม่มีอวิชชา ไม่มีความไม่รู้ ไม่มีความสงสัยเคลือบแคลงในลักษณะของนามและรูป แต่ไม่ใช่หมายความว่า เมื่อท่านยังไม่ได้เจริญสติ ยังไม่ได้เจริญปัญญาเลย ท่านก็ไปเลือก ไปกั้นเอาไว้ที่จะไม่ให้สติระลึกรู้ลักษณะของรูปและนามนั้นๆ การเจริญปัญญานั้นต้องรู้ทั่วจริงๆ จึงจะละได้


ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...

แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 173