เมื่อบุคคลใส่ใจโดยแยบคาย (โยนิโสมนสิการ) กุศลธรรมที่ยังไม่เกิดย่อมเกิดขึ้นและอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วย่อมเสื่อมไป
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
โยนิโสมนสิการ ก็เป็นสภาพธรรมที่มีจริง ซึ่งองค์ธรรม คือ มนสิการเจตสิก หากเป็นการใส่ใจด้วยดีที่เกิดกับจิตที่ดี ก็เป็นโยนิโสมนสิการ ส่วนการใส่ใจไม่ดี คือ เกิดกับอกุศลจิต ก็เป็นอโยนิโสมนสิการ ซึ่งขณะที่เป็นโยนิโสมนสิการ คือ ขณะที่จิตที่ดีเกิดขึ้น มีกุศลจิต เป็นต้น มีโยนิโสมนสิการแล้ว โดยไม่มีเราที่จะไปโยนิโส ไปทำโยนิโสมนสิการ แต่เมื่อใดกุศลจิตเกิด แสดงแล้วว่ามีโยนิโสมนสิการ หากไม่ใส่ใจด้วยดี กุศลจิตก็เกิดไม่ได้
โดยนัยตรงกันข้าม ขณะที่อกุศลจิตเกิด ไม่ได้คิดเลยว่า จะทำอโยนิโส แต่อโยนิโสมนสิการก็เกิดแล้ว แสดงถึงการทำหน้าที่ของธรรมและเป็นอนัตตา ที่บังคับบัญชาไม่ได้เลย ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
โยนิโสมนสิการเป็นสภาพธรรมที่ใส่ใจอย่างถูกต้องแคยคาย เป็นกุศล ไม่ใช่สิ่งที่จะบังคับบัญชาให้เกิดขึ้นได้ตามต้องการ เพราะเป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย ขณะที่กุศลจิตเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นในระดับใด นั่นก็คือ โยนิโสมนสิการ แม้ในขณะที่ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏก็มีโยนิโสมนสิการ พร้อมกับสติปัญญาและโสภณธรรมอื่นๆ โดยที่ไม่ต้องไปทำโยนิโสฯ เลย เพราะเกิดขึ้นแล้วในขณะนั้น กุศลจะเกิดขึ้นไปได้ ก็เพราะใส่ใจด้วยดี ถูกต้อง ซึ่งจะตรงกันข้ามกับขณะที่เป็นอกุศลอย่างสิ้นเชิง เมื่อมีการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย ก็จะอุปการะเกื้อกูลให้ความดี เจริญขึ้น และ จากที่มีแล้วก็เจริญยิ่งขึ้น ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
การฟังธรรมเป็นเหตุให้โยนิโสมนสิการเกิด และเป็นเหตุให้กุศลอื่นๆ เจริญขึ้นตามกำลังของปัญญาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
อนุโมทนาในกุศลจิตทุกๆ ท่านครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาสาธุครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ