ผมคิดว่าในชีวิตประจำวันเรายังหลีกเลี่ยงการทำบาปไม่ได้เพราะสถานการณ์มันจำเป็น เช่น อาชีพประมง อาชีพฆ่าหมู อาชีพฆ่าไก่ เหล่านี้เป็นต้น ผมคิดว่าบางทีเขาก็คงจะไม่ได้อยากฆ่าแต่เขาก็จำเป็นต้องทำ ดังนั้นผมจึงคิดว่า ในชีวิตประจำวันนั้นมันเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะหลีกเลี่ยงการทำบาปหรือว่ารักษาศีลให้บริสุทธิ์
บางทีผมลองคิดว่า ถ้าหากทุกคนบรรลุเป็นพระโสดาบันกันหมด ก็คือสามารถรักษาศีล 5 ได้กันทุกคน ก็จะไม่มีอาชีพฆ่าหมู,ฆ่าไก่ มันก็น่าจะดี แต่ปัญหาที่ตามมาคือ เราก็จะต้องกินมังสวิรัติกันตลอดชีวิตซึ่งร่างกายของเราก็คงจะอยู่ไม่ได้ ผมจึงอยากเรียนถามท่านอาจารย์ว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่เราจะรักษาศีลให้บริสุทธิ์ ถ้าหากผมจะตัดสินใจรับประทานมังสวิรัติตลอดชีวิตและชักชวนคนอื่นให้ทำตามเพื่อจะรักษาศีลให้สมบูรณ์ยิ่งๆ ขึ้นไปจนเป็นศีลบารมี แบบนี้จะสมควรหรือไม่
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ศีลจะบริสุทธิ์ก็เพราะมีปัญญา การบรรลุเป็นพระโสดาบัน ปัญญาเป็นสำคัญ ส่วน การไม่ล่วงศีล 5 อีกเลย เป็นผลมาจากการบรรลุเป็นพระโสดาบัน ซึ่งเป็นผล ไม่ใช่เหตุ ซึ่งธรรมดาของปุถุชน ย่อมมีโอกาสล่วงศีล ได้เป็นธรรมดา เมื่อเหตุปัจจัยพร้อม แม้พระโพธิสัตว์ก็ล่วงศีลได้ แม้ ชาติสุดท้ายของพระอริยสาวก ก็ล่วงศีล 5 เมื่อเหตุปัจจัยพร้อมก่อนบรรลุ แสดงถึงความเป็นไปของสภาพธรรม ที่ถ้าไม่ใช่พระโสดาบันแล้ว ก็มีโอกาสล่วงศีลได้เป็นธรรมดา เพราะฉะนั้น ผู้ที่ศึกษาพระธรรมจะต้องละเอียดรอบคอบ แยกระหว่างเหตุและผลให้ถูกต้องตามความเป็นจริงว่า อะไรคือเหตุ ให้บรรลุเป็นพระโสดาบัน คือ การเจริญอบรมปัญญา คือ รู้ความจริงของสภาพธรรมในขณะนี้ ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ในขณะนั้น พร้อมด้วยศีล คือ อินทรียสังวรศีล และ พร้อมด้วยสมาธิ และ ด้วยปัญญา เป็นไตรสิกขาในขณะนั้น นี่คือเหตุ ให้บรรลุเป็นพระโสดาบัน แต่ เรากำลังเอาผล คือ การเป็นพระโสดาบัน ผล คือ ศีล 5 บริสุทธิ์ ไม่ล่วงศีล มากลายเป็นเหตุ ให้เป็นพระโสดาบัน คือ จะรักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์ เพื่อความเป็นพระโสดาบัน แต่ นั่น กำลังสับสนเอาเหตุมาเป็นผล ผลมาเป็นเหตุ เพราะ ศีล 5 บริสุทธิ์ เป็นผลมาจากการเจริญอบรมปัญญา ทำให้เป็นพระโสดาบัน เมื่อเป็นพระโสดาบันแล้ว ศีล 5 ย่อมบริสุทธิ์เอง เพราะฉะนั้น ควรอบรมเหตุที่ถูกต้อง ไม่ใช่พยายามรักษาศีลให้ดี จะได้เป็นพระโสดาบัน นั่นไม่ใช่เหตุที่ทำให้เป็นพระโสดาบัน ครับ ขออนุโมทนา
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ศีลเป็นเรื่องปกติจริงๆ ในชีวิตประจำวัน เพราะเหตุว่าชีวิตประจำวัน เป็นศีล ซึ่งไม่พ้นไปจากกาย วาจา ใจของแต่ละบุคคล ในแต่ละวันจิตใจเป็นอกุศลหรือเป็นกุศลมากน้อยเท่าใด เมื่อเทียบกันแล้วอกุศลย่อมมีมากกว่า แต่ถ้ามีการล่วงศีล มีการกระทำทุจริตกรรมประการต่างๆ ก็เป็นเครื่องแสดงว่ากิเลสมีกำลังมากเดียว ซึ่งทุกคนควรจะได้ทราบและพิจารณาตนเองว่ามีการล่วงศีลข้อใดบ้างในแต่ละวัน กล่าวคือ มีการฆ่าสัตว์ เบียดเบียนสัตว์ มีการถือเอาสิ่งของที่เจ้าของเขาไม่ได้ให้ มีการประพฤติผิดในบุตร ภรรยา ของผู้อื่น มีการดื่มสุราของมึนเมาทั้งหลายอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท บ้างหรือไม่? ประโยชน์อยู่ตรงนี้ เพื่อจะได้สำรวมระมัดระวังความประพฤติทางกาย ทางวาจาให้เป็นปกติเรียบร้อยดีงาม โดยงดเว้นในสิ่งที่ควรงดเว้น แล้วประพฤติในสิ่งที่ควรประพฤติ การรักษาศีล มีการถือเอาเป็นข้อปฏิบัติด้วยดีที่จะเป็นการขัดเกลาจิตใจของตนให้เบาบางจากกิเลส แม้ว่ายังไม่ได้ดับกิเลสหมดเป็นสมุจเฉท (ถอนขึ้นได้อย่างเด็ดขาด) ก็จริง แต่ก็เป็นการอบรมจิตใจให้เบาบางจากกิเลสอกุศล เพราะเหตุว่าถ้าไม่ทราบว่า การฆ่าสัตว์ การลักทรัพย์ เป็นต้น เป็นสิ่งที่ไม่ดี เป็นสิ่งที่ทำให้สัตว์อื่น บุคคลอื่นเดือดร้อน เป็นทุกข์ ก็อาจจะเกิดความยินดีพอใจในความไม่ดีเหล่านี้ก็เป็นได้ และเมื่อเป็นกิเลส เป็นอกุศลธรรม เป็นอกุศลกรรม ก็ย่อมเป็นเหตุให้เกิดผลที่ไม่ดี (อกุศลวิบาก) ข้างหน้าสำหรับตนเองอีกด้วย เมื่อไม่ทราบอย่างนี้ เจตนาที่จะงดเว้นก็จะไม่มี แต่ถ้าทราบ ก็จะสามารถละคลายให้เบาบาง หรือว่างดเว้นเท่าที่สามารถจะกระทำได้ ซึ่งก็จะเป็นการชำระจิตใจให้เบาบาง ให้บรรเทาจากกิเลสและอกุศลได้ในชีวิตประจำวัน จนกว่าจะเป็นผู้มีศีล ๕ ที่บริสุทธิ์ โดยที่ไม่มีการล่วงอีกเลย เมื่ออบรมเจริญปัญญาบรรลุถึงความเป็นพระอริยบุคคลขั้นพระโสดาบัน และประการสำคัญที่ควรพิจารณา คือ กว่าที่ศีลจะบริสุทธิ์ได้จริงๆ ก็ต้องมีปัญญา เข้าใจธรรมตามความเป็นจริง โดยเริ่มจากการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมสะสมปัญญาไปตามลำดับ นั่นเอง ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขออนุโมทนาค่ะ
พระพุทธเจ้าอนุญาตใหพระภิกษุฉันเนื้อบริสุทธิ์ 3 ส่วน คือ ไม่เห็น ไม่ได้ยิน ไม่รังเกียจ ส่วนการรักษาศีล 5 หรือ ศีล 8 ตามอัธยาศัย ที่สำคัญต้องมีปัญญาด้วย บางคนรักษาศีล 8 แต่ไม่มีปัญญา กับบางคนรักษาศีล 5 แต่มีปัญญา ค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ