พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ - หน้าที่ 37
ท้าวมหานามทรงดำริว่า "พระเจ้าวิฑูฑภะนี้ จักฆ่าเราผู้ไม่บริโภคร่วม,
การตายเองของเราเท่านั้น ประเสริฐกว่า" ดังนี้แล้ว จึงทรงสยายผม
สอดหัวแม่เท้าเข้าไปในผม ขอดให้เป็นปมที่ปลาย ดำลงไปในน้ำ.
------------------------------------------------
ท้าวมหานามะ เป็นถึงพระสกทาคามี (พระอริยบุคคลขั้นที่ 2) ทำไมจึงคิดฆ่าตัวตาย ล่ะครับ
ตามหลักพระธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า พระอริยบุคคลทั้งหลายไม่กระทำปาณาติบาต ไม่ชักชวนผู้อื่นทำ และไม่อนุญาตให้ผู้อื่นทำด้วย แต่การฆ่าตัวตายไม่เป็นปาณาติบาต ดังข้อความในอรรถกถาพระวินัย เรื่องพระภิกษุฆ่าตัวตาย ดังนี้
[เล่มที่ 2] พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 325
......... ภิกษุผู้ เป็นอริยะไม่กระทำปาณาติบาต ไม่ชักชวนบุคคลอื่น ทั้งไม่อนุญาตด้วย.
ส่วนภิกษุผู้เป็นปุถุชน กระทำได้แทบทุกอย่าง.
เป็นเรื่องละเอียดของสภาพจิตใจนะครับ ถ้าจะคิดพิจารณาจากเหตุผลแล้ว พระโสดาบัน และ
พระสกทาคามี เป็นพระอริยบุคคล ซึ่งยังมีโทสะอยู่ แม้การฆ่าตัวตาย มิใช่ปาณาติบาต
แต่ต้องเป็นการกระทำที่เป็นไปด้วยอำนาจโทสะแน่นอน
สำหรับปุถุชนเกือบทั้งหมดการฆ่าตัวตายจะเป็นเรื่องของกามเสียเป็นส่วนมาก
แต่จากตัวอย่างที่ยกมานี้ ท้าวมหานามะ ฆ่าตัวตายด้วยอำนาจของ "มานะ"
(ความสำคัญตน) ครับ................ทิฏฐิพระ - มานะกษัตริย์
ไม่มีกำลังใดเสมอด้วยกำลังของกรรมค่ะ ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นพระอริยบุคคลขั้นใดก็ตาม แต่แม้
พระพุทธเจ้าก็ยังได้รับอกุศลวิบากทางกายเลย หรือพระโมคคัลลานะ เป็นผู้เลิศด้วยฤทธิ์ ก็
ยังหนีกรรมไม่พ้น ถูกโจรทุบตีจนกระดูกแตก ภายหลังท่านก็มาทูลลาพระพุทธเจ้าปรินิพพานค่ะ
พระสกทาคามียังไม่ได้ดับปฏิฆานุสัยครับ ยังมีเหตุปัจจัยให้โทสมูลจิตเกิดได้ ส่วนพระอนาคามีและพระอรหันต์ไม่โกรธ ไม่กลัว ไม่โศกเศร้า อาจจะสลดได้ด้วยปัญญา แต่จะไม่เสียใจด้วยโทสะ เช่น พระสารีบุตรไม่ฉันของขบเคี้ยว ที่ทำด้วยแป้ง เพราะท่านเกิดสลดใจที่พระรูปหนึ่งยินดี พอใจในกาม คือรสของอาหารนั้นครับขออนุโมทนาครับ