ข้อความบางตอนจากหนังสือ บารมีในชีวิตประจำวัน หน้า ๔๖
โดย อ. สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ท่านผู้ศึกษาธรรมย่อมทราบว่าถึงแม้จะมีลาภ ยศ สรรเสริญและสุข แต่ถ้าปราศจาก "ปัญญา" ที่รู้เหตุผลตามความเป็นจริงแล้ว ก็ย่อมเป็นทุกข์ ฉะนั้นถ้าผู้ใดเห็นคุณค่าของปัญญาจริงๆ ย่อมจะไม่ปรารถนา รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ เมื่อเจริญกุศล แต่ปรารถนาจะอบรมเจริญปัญญา จนให้ถึงความสมบูรณ์ ที่สามารถจะดับกิเลสได้เป็นสมุทเฉจ ถ้าจะอธิษฐานที่จะให้ได้สิ่งที่ปรารถนา ก็ควรเป็นความปรารถนาที่จะเพิ่มพูนปัญญาให้สมบูรณ์ ให้ถึงความคมกล้า ที่จะดับกิเลสได้เป็นสมุทเฉจ "การเจริญสติปัฏฐาน ปัญญาเป็นเรื่องสำคัญที่สุด"
ขอถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะตลอดชีวิต
ถ้ายังปรารถนาใน รูป เสียง ...... หรือวัฏฏะในการเจริญกุศล ก็ไม่ใช่บารมี เพราะไม่มีปัญญาเห็นโทษของกิเลสและไม่เข้าใจหนทางดับกิเลส ปัญญาบารมีจึงเป็นสิ่งสำคัญใน บารมี ๑๐
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ
เราติดข้องแล้วด้วย "โลภะ" และก็ยังไม่รู้ตัวเองอีกว่าติดข้องอยู่ด้วย "โมหะ" เมื่อสติเกิดย่อมคั่นกระแสของ "โลภะ" และเห็นโทษของอกุศลด้วย "ปัญญา"
ขออนุโมทนาครับ
ปัญญาบารมี เป็นประธาน บารมีอื่นเป็นบริวารของปัญญาบารมี เพราะถ้าขาดปัญญาเสียแล้ว ก็ไม่สามารถอบรมเจริญบารมีได้ พุทธองค์ทรง แสดงธรรม งามทั้งเบื้องต้น ท่ามกลาง และที่สุด เปรียบเหมือนบุคคลผู้หงายของที่คว่ำอยู่ เปิดของที่ปิด บอกทางแก่คนหลงทาง หรือส่องประทีปในที่มืดเพื่อผู้มีจักษุจะพึงเห็นรูปได้ ฉะนั้น.....ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ว่าเป็นสรณะ
ขออนุโมทนากับคุณพุทธรักษาในความขยันเผยแพร่ความรู้สู่พวกเรา
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ยินดีในกุศลจิตค่ะ