1. ธรรมะของพระพุทธองค์มีหลายหมวด หลายข้อธรรม มากเหลือเกิน ผมควรเริ่มอย่างไรก่อนดี
2. การภาวนา ผมได้อ่านมา มี 2 อย่างใช่หรือไม่ สมถภาวนา และวิปัสสนาภาวนา เราควรทำอย่างไหนก่อนดีครับ
3. หากรักษาศีล ถ้ารักษาไม่ได้ครบหรือขาดตก บกพร่องด่างพร้อย จะทำให้เราภาวนาเท่าใดก็ไม่ก้าวหน้าใช่หรือไม่ เพราะฐานไม่แน่น ย่อมสร้างบ้านไม่ได้ ประมาณนี้หรือเปล่า
4. การจะบรรลุธรรมขั้นสูง มีเพียงการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน อย่างเดียวใช่หรือไม่ ไม่มีทางใดอีกแล้วใช่ไหม ถ้าเป็นเช่นนั้น ศาสดาของแต่ละศาสนา ท่านจะหลุดพ้นหรือไม่
ขอรบกวนถามเพียงเท่านี้ก่อนครับ
ขอบพระคุณครับ
๑. ควรเริ่มด้วยการศึกษาพระธรรมให้เข้าใจก่อน หมวดไหนก็ได้๒. การเจริญภาวนาควรเจริญทั้ง
๒. คือ ทั้งสมถะและวิปัสสนา แต่ก่อนอื่นต้องศึกษาให้เข้าใจก่อนเมื่อเริ่มเข้าใจสติสัมปชัญญะ ย่อมกระทำกิจ ไม่ใช่ตัวเราไปทำด้วยความต้องการ
๓. ผู้ที่เป็นปุถุชนย่อมมีศีลไม่สมบูรณ์เหมือนพระอริยะ แต่การเจริญภาวนาย่อมเจริญได้ถ้ามีความเข้าใจพระธรรมอย่างถูกต้อง ส่วนผู้ที่ไม่มีความเข้าใจ แม้มีศีลแต่ภาวนาก็เจริญไม่ได้ แต่บางนัยที่ท่านกล่าวถึง ศีลเป็นเบื้องต้นเป็นพื้นฐานของพรหมจรรย์ พรหมจรรย์ หมายถึง ศีลของผู้มีความเข้าใจถูกต้อง และสำหรับบางท่านโดยเฉพาะพระภิกษุ
๔. การจะบรรลุธรรมเป็นพระอริยบุคคล ต้องบรรลุได้ด้วยวิปัสสนา (อริยมรรค) ทางอื่นไม่สามารถทำให้บรรลุเป็นพระอริยบุคคลได้ และพระอริยบุคคลไม่มีในภายนอกศาสนา
เชิญคลิกอ่านได้ที่...
ทรงแสดงธรรมแก่สุภัททะ
1. ควรเริ่มจาก การฟัง พระธรรม ที่ผู้แสดง แสดงตรงกับพระธรรมของพระศาสดา หัวข้อไหนก็ได้ แต่ให้เข้าใจ สะสมความเข้าใจ ทีละเล็กทีละน้อย จนกว่าจะมีความรู้ ความเข้าใจเพิ่มขึ้น สนใจที่จะฟัง ศึกษาพระธรรม บ่อยๆ เนืองๆ เพราะว่าปัญญาไม่ได้เจริญขึ้นอย่างรวดเร็วแน่ ต้องอาศัยความอดทนจริงๆ ในการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ด้วยความละเอียด รอบคอบ แยบคายด้วยความไม่ประมาทเพื่อที่จะได้ไม่เกิดความเห็นผิด
2. การเจริญภาวนา มีทั้งการเจริญสมถะ และวิปัสสนา ควรฟังพระธรรมให้เข้าใจเสียก่อน ที่จะไปเป็นปัจจัยในการศึกษาเรื่อง ของการเจริญสมถะและวิปัสสนา ไม่มีการทำอย่างไหนก่อน อย่างไหนหลัง
3. ผู้ที่จะมีศีลบริบรูณ์ ต้องเป็นพระอริยบุคคล ขั้นต่างๆ แต่ศีลก็ควรรักษา ตามกำลังและการสะสมและศีลก็ยังไม่มั่นคง จนกว่าจะเป็นพระอริยะบุคคลขั้นต่างๆ การเจริญภาวนา เป็นเรื่องของความรู้ความเข้าใจ เป็นเรื่องของปัญญา
4. การรู้แจ้งอริยสัจธรรม มีเพียงทางเดียว คือ การเจริญวิปัสสนา เป็นหนทางเดียวศาสนาอื่นไม่ได้แสดงอริยมรรค มีองค์ 8
ขออนุโมทนาในตอบของทุกท่านค่ะ
ขอแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมนะคะ...
๑. การศึกษาธรรม ควรทำความเข้าใจในเบื้องต้นก่อนว่า ธรรมคืออะไร พระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร เพื่ออะไร และตัวเราเองจะศึกษาธรรมเพื่ออะไร
๒. การเจริญภาวนาทั้งสมถและวิปัสสนา จะต้องประกอบด้วยปัญญา ถ้าไม่มีปัญญาก็อบรมเจริญไม่ได้ค่ะ การจะทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดก็ต้องมีความเข้าใจในสิ่งนั้นใช่มั้ยค่ะ
๓. องค์ประกอบที่สำคัญในการเจริญภาวนา คือ ปัญญา ไม่ใช่ศีล เพราะศีลเป็นเพียงข้อประพฤติทางกาย วาจาเท่านั้น แต่ทางใจต้องขัดเกลาด้วยปัญญาค่ะ
๔. การเจริญวิปัสสนา คือ การอบรมเจริญมรรคมีองค์ ๘ โดยการเจริญสติปัฏฐานเป็นเบื้องต้น เป็นหนทางเดียวที่ตรงที่สุด ไม่มีทางอื่น ถ้ามีทางอื่นหรือทางลัดที่สะดวกรวดเร็วกว่านี้ พระผู้มีพระภาค ต้องได้ทรงแสดงไว้แล้วด้วยพระมหากรุณาคุณค่ะ ศาสนาพุทธจึงเป็นศาสนาเดียวในโลกที่สอนให้หลุดพ้นจากวัฏฏะ คือ การเกิด แก่ เจ็บ ตาย
ยินดีด้วยนะคะที่ท่านสนใจที่จะศึกษาธรรม เป็นสิ่งที่มีค่าและประเสริฐสุดในชีวิตนี้ที่เกิดเป็นมนุษย์ ขอให้เริ่มศึกษาในส่วนที่พอจะเข้าใจก่อน แล้วปัญญาจะค่อยๆ พัฒนาขึ้นเองตามลำดับ ไม่จำเป็นต้องรู้มากๆ รู้เยอะๆ แต่ให้รู้จริงในสิ่งที่คิดว่ารู้ค่ะ
1. สมัยพุทธกาลผู้ที่จะบรรลุเป็นพระอริยบุคคล ก็เริ่มมาจากการได้ฟังธรรมของพระ-พุทธเจ้า สาวก แปลว่า ผู้ฟังค่ะ ถ้าจะเน้นเรื่องของปัญญาก็ศึกษาพระอภิธรรมก่อน หรือจะอ่านพระไตรปิฎก ก็อ่านชาดกก่อน เพราะเป็นอดีตชาติของพระโพธิสัตว์ ขณะที่อ่านแล้วซาบซึ้งเป็นมหากุศลจิต
2. ถ้าเจริญสมถภาวนาและวิปัสสนาภาวนาทั้งสองอย่างยุคนี้ยาก ควรเจริญสติปัฎ-ฐานก่อน เพราะเป็นหนทางเดียวที่จะดับกิเลส
3. ปุถุชนศีลไม่สมบูรณ์ บางครั้งศีลเศร้าหมองหรือล่วงได้บ้าง ถ้าเหตุปัจจัยพร้อม แต่เจริญสติปัฏฐานได้ เช่น พระเจ้าสรกานิ ท่านดื่มสุรา ภายหลังก็ได้บรรลุเป็นพระอริยบุคคล
4. ผู้ที่จะบรรลุ มรรค ผล นิพพาน มีหนทางเดียวคือการเจริญวิปัสสนาเท่านั้น
ทำอย่างไรถึงจะไม่กลัวตาย
อบรมเจริญปัญญา ละความกลัว (กิเลส) ได้ย่อมไม่กลัวตาย (พระอรหันต์)
ควรเริ่มต้นด้วยการอบรมเจริญปัญญาจะดีกว่า เริ่มต้นจากการฟังพระธรรมให้เข้าใจก่อน เรื่องเจริญสติปัฏฐาน ๔ เนืองๆ เห็นรูปนามขันธ์ ๕ หรือ การปล่อยวางรูปนาม ขันธ์ ๕ ยังเป็นเรื่องห่างไกล ขณะนี้ควรจะรู้ก่อนว่าอะไรบ้างเป็นธรรมะ ถ้าศึกษาเรื่องราวของธรรม ก็จะไม่เจอธรรมะเลย
ทำอย่างไรถึงจะไม่กลัวตาย
เชิญคลิกอ่านได้ที่...
ว่าด้วยบุคคลที่กลัวและไม่กลัวตาย ๔ จำพวก [อภยสูตร]
ท่านพาหิยะฟังธรรมเพียงสั้นๆ แต่ทำไมจึงบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ได้อย่างรวดเร็ว ทำไมจึงเป็นเช่นนี้เพียงฟังก็บรรลุทันที ไม่ต้องนำไปประพฤติปฏิบัติ ดังข้อความจากพระสูตรนี้ จิตของพาหิยทารุจีริยกุลบุตรหลุดพ้นแล้วจากอาสวะทั้งหลาย เพราะไม่ถือมั่นในขณะนั้นเอง พระธรรมเทศนาโดยย่อนี้ของพระผู้มีพระภาคเจ้า
เชิญคลิกอ่านได้ที่...
การตรัสถึงที่สุดแห่งทุกข์ [พาหิยสูตร]
โดย : B.subtilis
เพราะท่านได้สะสมปัญญาบารมีมาพร้อมแล้วจึงบรรลุเร็ว
ธรรมะปฏิบัติหน้าที่ของธรรมะอยู่แล้ว
ธรรมะปฏิบัติหน้าที่ของธรรมะอยู่แล้ว แต่เพราะความไม่เข้าใจ จึงมีความเห็นว่า มีเราที่ควรปฏิบัติ เวลาอกุศลจิตเกิดขึ้น มีใครปฏิบัติไหม ชีวิตประจำวันมีทั้งโลภะ โทสะ อกุศลอื่นๆ อีกมากมาย ความริษยา ความตระหนี่ รู้ว่าเป็นสิ่งไม่ดี ไม่อยากให้เกิด แต่เป็นอนัตตา ธรรมะปฏิบัติหน้าที่ของธรรมะ โดยที่ไม่มีใครสามารถบังคับบัญชาได้เลย การศึกษาธรรมะเพื่อเข้าใจสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ศึกษาอีกเข้าใจอีก เข้าใจขี้นทีละเล็กทีละน้อยความข้าใจนี้เองจะเป็นสังขารปรุงแต่ง ไม่มีตัวเราไปจัดการ ค่อยๆ ฟังอย่าเพิ่งใจร้อนค่ะ
คำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นคำสอนของผู้มีปัญญามาก ผู้ที่สามารถดับกิเลสได้ ส่วนเราปุถุชน แปลว่า ผู้หนาไปด้วยกิเลส มีกิเลสเกิดขี้นมากมายในชีวิตประจำวันยังไม่รู้จักมันเลย จะจับโจรยังไม่รู้จักโจรว่าอยู่ที่ไหน ถ้าไม่ศึกษาไม่เรียนรู้ก่อนแล้วจะทำอย่างไร
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาด้วยค่ะ
ขออนุโมทนาครับ