จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล ต่างกันอย่างไร
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย ศีล คือการงดเว้นการกระทำที่ไม่ดีทางกายและวาจา รวมทั้งการประพฤติปฺฏบัติในสิ่ง
ที่สมควร ซึ่งศีล ก็มีหลายระดับ ตามความะลเอียดของศีล เหมือนกับปัญญาก็มีหลาย
ระดับตั้งแต่ปัญญาทีเ่ป็นเบื้องต้นและปัญญาจนถึงระดับสูง ศีลก็เช่นกัน มีหลายระดับ
ซึ่งพระพุทธองค์ก็ได้แบ่ง ศีลไว้ อีก นัยหนึ่ง ตามระดับความละเอียดของศีล คือ จุลศีล
มัชฌิมศีลและ มหาศีล ครับ
จุลศีล ก็คือ ศีลเล็กน้อยก็เป็นศีลที่มีระดับความหยาบที่สุด ที่ควรประพฤติ งดเว้น
เช่นการงดเว้นจากฆ่าสัตว์ ก็เป็นศีลที่ควรงดเว้นในรดับที่หยาบ เป็นศีลเล็กน้อยและ
ก็มีศีลที่ละเอียดสูงกว่า จุลศีลอีก คือ มัชฌิมศีล ศีลระดับกลาง ก็ละเอียดขึ้นไปอีก
ครับ เช่น เว้นจากการการละเล่นต่างๆ ทีเ่ป็นข้าศึก เช่น การเล่นร้องรำทำเพลง เป็นต้น
ก็งดเว้น หรือ เว้นจากการพูดหลอกลวง พูดเลียบเคียง จะเห็นนะครับว่าละเอียดกว่า
จุลศีล ก็มีการขัดเกลามากขึ้น และก็มีศีลที่ละเอียดว่าศีลอย่างกลางอีก คือ มหาศีล
ทีเ่ป็นศีลอย่างสูงใหญ่กว้างขวาง ก็เป็นการขัดเกลากิเลสเพิ่มขึ้นครับ เช่น เว้นขาดจาก
การเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วย ติรัจฉานวิชา คือ การเป็นหมอดู จะเห็นนะครับว่าละเอียด
ขัดเกลากิเลสขึ้นไปอีกครับ
ดังนั้น ศีลจึงแบ่งเป็นความละเอียดหลายระดับ เพราะกิเลสก็มีความละเอียดหลาย
ระดับการขัดเกลากิเลสขั้นศีล จึงแบ่งเป็นความละเอียดหลายระดับเช่นกันครับ ซึ่ง
ความละเอียดอยู่ในพรหมชาลสูตร และพระองค์ก็แสดงว่า พระองค์มี ศีลเหล่านี้ทั้งหมด
และมีคุณธรรมยิ่งไปกว่านี้ การที่ปุถุชนกล่าวชมตถาคตเพียงเรื่องศีลเหล่านี้เป็นเรื่อง
เล็กน้อยครับ
เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ
จุลศีล / มัชฌิมศีล / มหาศีล
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ศีลเป็นเรื่องปกติจริงๆ ในชีวิตประจำวัน เพราะเหตุว่าชีวิตประจำวัน เป็นศีล ซึ่งไม่พ้นไปความประพฤติเป็นไปของแต่ละบุคคล ที่จะมีการงดเว้นจากทุจริตกรรมประการต่างๆ แล้วประพฤติในสิ่งที่ดีงาม มากน้อยแค่ไหน ในแต่ละวันจิตใจเป็นอกุศลหรือเป็นกุศลมากน้อยเท่าใด เมื่อเทียบกันแล้วอกุศลย่อมมีมากกว่า แต่ถ้ามีการล่วงศีล มีการกระทำทุจริตกรรมประการต่างๆ ก็เป็นเครื่องแสดงว่ากิเลสมีกำลังมากทีเดียว, สิ่งที่ควรงดเว้น คือ อกุศลกรรม ซึ่งเป็นทุจริตประการต่างๆ แต่สำหรับผู้ที่เห้นโทษของอกุศล ถึงแม้ว่าจะยังไม่ถึงขั้นที่เป็นทุจริตกรรม ก็งดเว้น ไม่กระทำในสิ่งเหล่านั้นเพราะเห็นว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นไปเพื่อความพอกกิเลสให้มากขึ้น ควรอย่างยิ่งที่จะได้พิจารณาตนเองในชีวิตประจำวัน เพื่อจะได้สำรวมระมัดระวังความประพฤติทางกาย ทางวาจาให้เป็นปกติเรียบร้อยดีงาม โดยงดเว้นในสิ่งที่ควรงดเว้น แล้วประพฤติในสิ่งที่ควรประพฤติต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ จะต้องฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจด้วย เพราะปัญญาเท่านั้น ที่จะสามารถดับกิเลสได้กุศลขั้นศีล ก็เพียงแค่ขัดเกลากิเลสอย่างหยาบๆ ซึ่งเป็นทุจริตกรรมประการต่างๆ แต่ถ้ามีการอบรมเจริญปัญญา สะสมปัญญาไปตามลำดับ เมื่อปัญญาเจริญขึ้น จนกระทั่งถึงขั้นที่เป็นโลกุตตระ ก็จะสามารถดับกิเลสได้ ตามลำดับ ครับ. ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอเชิญอ่านพระไตรปิฎก ชุด 91 เล่ม ชุด 45 เล่ม