เรียนถาม
ทุคติภูมิ ๔ ซึ่งมี นรก สัตว์เดียรัจฉาน เปรต และอสุรกาย นั้น ดิฉันอยากทราบว่าทั้ง ๔ นั้น มีระดับสูงต่ำกว่ากันหรือไม่อย่างไร หรือว่า เมื่อเป็นทุคติภูมิแล้ว ย่อมเหมือนๆ กันหมด ดิฉันคิดว่า ผู้ที่เกิดในนรก น่าจะทุกข์ทรมานที่สุด แต่ผู้ที่เกิดเป็นสัตว์ เป็นเปรต และเป็นอสุรกายนั้น ดิฉันไม่แน่ใจค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สำหรับทุคติ ๔ หรือ อบายภูมิ ๔ โดยความหมายแล้ว ที่ชื่อว่า ทุคติ เพราะเป็นที่เกิดที่แล่นไปอันนำมาซึ่งทุกข์ จึงชื่อว่าทุคติ ที่ชื่อว่าอบายภูมิ เพราะ เป็นภูมิที่เกิดซึ่งไม่นำมาซึ่งความเจริญในภพภูมินั้นเลย นี่คือ ความหมายของ อบายภูมิ ๔ และทุคติ ๔ ครับ
ดังนั้น ทั้ง ๔ ภูมิ เหมือนกันตรงที่เป็นทุคติ คือ เป็นภพภูมิที่นำมาซึ่งทุกข์ทั้ง ๔ ภูมิเหมือนกัน แต่แตกต่างตรงความหนักเบาของความทุกข์และแตกต่างตามระดับของอกุศลกรรมที่ให้ผลในภพภูมินั้นๆ ครับ
สำหรับการเกิดเป็นสัตว์ อบายภูมิ ๔ หรือ ทุคติภูมิ ๔ นั้นเป็นผลของอกุศลกรรมที่ได้ทำไว้ให้ผลครับซึ่งอกุศลกรรมที่ทำนั้น ก็มีระดับกำลังของอกุศลกรรมที่แตกต่างกันไป ทำให้เกิดในอบายภูมิ ๔ แตกต่างกันไปตามระดับอกุศลกรรมครับ ซึ่งภพภูมิในอบายภูมิ ที่ ประกอบด้วย นรก สัตว์เดรัจฉาน อสุรกายและเปรต นั้น นรก เป็นภพภูมิที่เกิดจากอกุศลกรรมที่มีกำลังกว่า สัตว์เดรัจฉาน เรียงต่อมา ก็คือ เปรต และต่อด้วยอสุรกาย ดังนั้น เมื่อเรียงตามความหนักเบาของอกุศลกรรม และความหนักเบาของภพภูมินั้น ก็เป็นดังนี้ครับ คือ นรก สัตว์เดรัจฉาน เปรตและอสุรกาย
ขออนุโมทนา
เรียนถาม
ทำไมจึงเป็นเปรตเท่านั้น ที่อนุโมทนาในกุศลที่เราอุทิศให้ อสุรกาย และ สัตว์เดรัจฉานอยู่ดีกว่าเปรต แต่อนุโมทนาไม่ได้ สำหรับผู้ที่อยู่ในนรก พอเข้าใจได้ว่า ทุกข์ทรมานเกินกว่าจะมีจิตอนุโมทนา
เรียนความเห็นที่ 2 ครับ
เปรตเป็นภพภูมิพิเศษ ที่สามารถล่วงรู้ในกุศลที่ญาติอุทิศให้ แม้ไม่ต้องบอก ให้ได้ยินกับตัวเอง แม้ญาติอุทิศ แม้อยู่กันคนละภพภูทมิก็สามารถล่วงรู้ได้และหากเกิดจิตอนุโมทนาก็เป็นกุศลของเปรตที่เกิดขึ้น ไม่ใช่กุศลของญาติ เมื่อ กุศลของเปรตเกิดขึ้นกับเปรตเองที่อนุโมทนา จึงทำให้ผลของกุศล อำนวยผลให้ได้อาหารบ้าง หรือ เปลี่ยนภพภูมิ ไปเกิดในภพภูมิที่ดีได้ เพราะผลของการอนุโมทนานั้นครับ
ส่วน สัตว์นรก อสุรกายและสัตว์เดเรัจฉาน ไม่สามารถล่วงรู้ในสิ่งที่ผู้อื่นกล่าวอุทิศให้ จึงทำให้ไม่สามารถอนุโมทนาเพราะไม่รู้ในกุศลที่ญาติอุทิศครับ ดังนั้น เปรตจึงเป็นภพภูมิพิเศษที่สามารถล่วงรู้ในบุญที่ญาติอุทิศให้ครับ ซึ่งเรื่องของภพภูมิเป็นเรื่องที่มีความวิจิตรมาก ซึ่งแสดงโดยพระปัญญาของพระพุทธเจ้า ซึ่งเราก็พอที่จะสามารถเข้าใจได้ในเหตุผลระดับหนึ่ง ครับ
ขออนุโมทนา
เรียนถาม
ระดับของจิต และที่เกิดของสัตว์โลก ย่อมสัมพันธ์กันอย่างแน่นอนใช่มั้ยคะ และเรื่องของภพภูมิที่กล่าวว่ามีความวิจิตรมาก นั้น เกี่ยวข้องกับกรรมซึ่งเป็นเรื่องที่รู้ไม่ได้และรู้ไม่หมด
ขอบพระคุณอย่างสูง
เรียนความเห็นที่ 4 ครับ
ถูกต้องครับ ระดับของจิตและที่เกิดของสัตว์โลก ย่อมมีความสัมพันธ์กันครับ ระดับจิตที่เป็นกามาวจร ก็เกิดในกามาวจรภูมิ มีมนุษย์ อบายภูมิ เทวดา เป็นต้น แต่จะไม่เกิดในพรหมโลก ที่ต้องเป็นจิตระดับ รูปาวจร ครับ ดังนั้น กุศลกรรมที่นำผลให้เกิด ที่มีระดับจิตต่างๆ กัน ทำให้เกิดในภพภูมที่ต่างๆ กันไป ครับ ถูกต้องครับ ส่วนภพภูมิที่วิจิตร เพราะกรรมวิจิตร เราจึงไม่สามารถรู้ได้ละเอียดทั้งหมด นอกจากพระพุทธเจ้า ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
อกุศลกรรมบถทั้งหลาย มีการฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ เป็นต้น เป็นเหตุให้ไปเกิดในทุคติ ซึ่งเป็นภูมิที่ไปไม่ดี มีแต่เป็นที่นำมาซึ่งความทุกข์ทรมานต่างๆ มีนรก เป็นต้น เท่านั้น ตามความหนักเบาของอกุศลกรรมที่ได้กระทำไว้
ไม่ควรจะเป็นผู้วางใจว่าจะไม่มีวันจะไปสู่อบายภูมิ เพราะเหตุว่า ผู้ที่จะพ้นจากอบายภูมิได้นั้น คือผู้ที่รู้แจ้งอริยสัจจธรรมเป็นพระโสดาบันบุคคล เพราะฉะนั้น ตราบใดที่ยังไม่มีปัญญาถึงขั้นที่จะทำให้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม ก็ยังมีโอกาสที่จะไปสู่อบายภูมิได้ ถ้าไปเกิดในอบายภูมิแล้ว ย่อมมีแต่ความทุกข์ทรมาน ไม่มีโอกาสที่จะเจริญกุศลประการต่างๆ ไม่มีโอกาสได้อบรมเจริญปัญญาด้วย ซึ่งจะเป็นผู้ประมาทไม่ได้เลยทีเดียว ชาตินี้ ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ถ้าประมาทมัวเมา ไม่ตั้งอยู่ในกุศลธรรม ชาติต่อไปอาจจะไปสู่ที่ต่ำยิ่งกว่ามนุษย์ คือ ทุคติภูมิ ก็เป็นได้ และที่สำคัญ ทุคติภูมิ เป็นภูมิที่ไปได้โดยง่ายมากทีเดียว
เพราะฉะนั้น เมื่อได้เกิดมาเป็นมนุษย์ (ซึ่งเป็นสุคติภูมิ ไม่ใช่ทุคติภูมิ) แล้ว จึงไม่ควรที่จะประมาท ที่ขาดไม่ได้เลย ก็คือ การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญาสะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ เพราะเหตุว่าความเข้าใจถูกเห็นถูกนี้เอง จะเกื้อกูลให้ความประพฤติทางกาย ทางวาจา และทางใจในชีวิตประจำวันดำเนินไปในทางที่ดีงามยิ่งขึ้น อันจะเป็นเครื่องรักษาให้ออกห่างจากการตกไปสู่ภูมิที่ต่ำได้ ครับ.
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณอาจารย์ทั้งสองท่านและขออนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอเรียนถามเพิ่มเติมครับ ตามความเห็นที่ 1 ที่กล่าวว่า
"เมื่อเรียงตามความหนักเบาของอกุศลกรรม และความหนักเบาของภพภูมินั้น ก็เป็นดังนี้ครับ คือ นรก สัตว์เดรัจฉาน เปรตและอสุรกาย" ซึ่งเคยได้ยินว่าสัตว์ที่จะเกิดในนรกเพราะโทสะ สัตว์ที่เกิดเป็นเดรัจฉานเพราะโมหะ สัตว์ที่เกิดเป็นเปรตเพราะโลภะ เป็นความเข้าใจที่ถูกหรือไม่ ถ้าเรียงตามความหนักเบาของอกุศลกรรม สรุป คือ โทสะมีอกุศลกรรมหนักที่สุด และโมหะมีอกุศลกรรมรองลงมา ส่วนโลภะมีอกุศลกรรมน้อยที่สุด จึงขอให้อธิบายเพิ่มเติมเพื่อความรู้ความเข้าใจถูกครับ
อนุโมนาครับ
เรียนความเห็นที่ 10 ครับ
สัตวที่เกิดในอบายภูมิเกิดด้วยผลของอกุศลกรรม ถ้ามีกำลังมาก ก็ไปนรก มีกำลังน้อยกว่า ก็ไล่เรียงกันมา แต่ไม่ได้มุ่งเจาะจงเฉพาะเจตสิกใดที่ทำให้เกิดในอบายภูมิประเภทนั้นครับ เพียงแต่ว่า ที่กล่าวถึง โทสะ กับ นรก เพราะเมื่อเกิดในนรก มากไปด้วยโทสะ เพราะเจ็บปวด ทรมาน เกิดโทสะได้บ่อยและเยอะ เปรต มากไปด้วยโลภะ เพราะเมื่อเกิดเป็นเปรต มักหิวกระหาย อยากที่จะทานอาหาร เป็นต้น สัตว์เดรัจฉานมากไปด้วย ความไม่รู้ โมหะ เพราะสัตว์เดรัจฉาน มากไปด้วยความไม่รู้ นั่นเองครับ
ขออนุโมทนา
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณครับ อนุโมทนาครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
สาธุ อนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ