ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ข้อความบางตอนจากการถอดเทปวิทยุโดยคุณย่าสงวน สุจริตกุล
ท่านอาจารย์สุจินต์ กรุณาอธิบายเรื่องจิตไว้ว่าก่อนที่จะได้ศึกษาธรรมะ ดูเหมือนว่า ท่านกำลังอยู่ในโลกประสพพบเห็น สิ่งต่างๆ ในโลก แต่ว่า ตามความเป็นจริง สิ่งที่เข้าใจว่าโลกทั้งหมดที่ปรากฏ ทางตา ทางกายนั้นถ้าไม่มี "สภาพรู้" ที่กำลังเห็น ไม่มี "สภาพรู้" ที่กำลังได้ยินเสียงตลอดไปจนถึง "สภาพรู้" ร้อนหรือเย็น อ่อนหรือแข็ง ตึงหรือไหว ที่กำลังปรากฏในขณะนี้
ไม่มี "สภาพรู้" ที่กำลังคิดเรื่องต่างๆ ที่ปรากฏ ทางตา ทางกายโลกจะมีได้ไหม ที่เข้าใจว่าเป็นโลก หรืออยู่ในโลกทั้งหมดนี้ย่อมไม่ปรากฏเลย ถ้าไม่มี "สภาพรู้"
แต่เคยนึกถึงไหม ขณะที่กำลังเห็นหรือเข้าใจว่ากำลังอยู่ใน "โลก" แท้ที่จริงแล้ว โลกจริงๆ ที่ปรากฏได้นั้น เพราะมี "สภาพรู้" ซึ่งพระผู้มีพระภาค ทรงบัญญัติสภาพรู้นั้นว่า "จิต"
ขออนุโมทนา
ขออุทิศกุศลแด่ คุณพ่อ คุณแม่ญาติมิตรที่ล่วงลับ ตลอดจนสรรพสัตว์ที่ล่วงรู้ได้ร่วมอนุโมทนาด้วยค่ะ
ขณะนี้เอง จิตกำลังเกิดขึ้นและดับไป
ขออนุโมทนาครับ
แท้ที่จริงแล้ว โลกจริงๆ ที่ปรากฏได้นั้นเพราะมี "สภาพรู้" ซึ่งพระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติสภาพรู้นั้นว่า "จิต"
ขออนุโมทนาครับ
สาธุ
อ้างอิงจาก : ความคิดเห็นที่ 2
แท้ที่จริงแล้ว โลกจริงๆ ที่ปรากฏได้นั้นเพราะมี "สภาพรู้" ซึ่งพระผู้มีพระภาค ทรงบัญญัติสภาพรู้นั้นว่า "จิต"
ขออนุโมทนาเช่นกันค่ะ.....
สภาพรู้นั้น ไม่ใช่เรา
สภาพรู้นั้น ไม่ได้เป็นของเรา
สภาพรู้นั้น คือ รู้ทางตา (เห็น) ทางหู (ได้ยิน) ทางจมูก (ได้กลิ่น) ทางลิ้น (ลิ้มรส) ทางกาย (กระทบสัมผัส) และทางใจ (คิดนึก)
สภาพรู้นั้น กำลังมีอยู่ในขณะนี้จริงๆ
"ซึ่งพระผู้มีพระภาค ทรงบัญญัติสภาพรู้นั้นว่า "จิต""
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านครับ
ถ้าไม่มีสภาพรู้เกิดขึ้น
โลกใดๆ ก็ย่อมจะไม่ปรากฏโลกในวินัยของพระอริยเจ้าไม่พ้นไปจากตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
ขออนุโมทนาครับ...
ในโลกนี้ไม่ว่าจะมีอะไรมากมาย ย่อแล้วเหลือแค่นามธรรม คือ ธาตุรู้ อาการรู้ สภาพรู้ รูปธรรม คือ สภาพธรรมที่ไม่รู้อะไร เช่น ตู้เย็น ทีวี ถ้วย แก้ว ภูเขา หิน ทราย ฯลฯ
ด้วยเหตุเพียงเท่าไรหนอ จึงเรียกกันว่า "โลก" พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกร อานนท์ สิ่งใดมีความแตกสลายเป็นธรรมดานี้เรียกว่า "โลก" ในอริยวินัย ก็อะไรเล่ามีความแตกสลายเป็นธรรมดา จักขุแลมีความแตกสลายเป็นธรรมดา จักขุวิญญาณมีความแตกสลายเป็นธรรมดา จักขุสัมผัสมีความแตกสลายเป็นธรรมดา สุขเวทนา ทุขเวทนา หรืออทุขขมสุขเวทนา ที่เกิดขึ้นเพราะจักขุสัมผัสเป็นปัจจัยมีความแตกสลายเป็นธรรมดา ฯลฯ ตลอดไปจนถึงทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ
สิ่งใดมีความแตกสลายเป็นธรรมดานี้เรียกว่า "โลก" ในอริยวินัย โลก คือ ทุกสิ่งซึ่งเกิดดับ ได้แก่ จิต เจตสิก รูป ซึ่งถ้าไม่มีจิตซึ่งเป็นสภาพรู้เกิดขึ้นโลกใดๆ ไม่ว่าทางตา ทางหู ฯลฯ ก็ย่อมไม่ปรากฎ
ขออนุโมทนาทุกท่านค่ะ
กัลญาณมิตร
เกื้อกูลกันด้วยธรรม
ขออนุโมทนาทุกท่านครับ
อนุโมทนาเจ้า
สาธุ ขออนุโมทนาค่ะ
อ้างอิงบางส่วนจากความคิดเห็นที่ 9
สิ่งใดมีความแตกสลายเป็นธรรมดานี้เรียกว่า "โลก" ในอริยวินัย
โลก คือ ทุกสิ่งซึ่งเกิดดับ ได้แก่ จิต เจตสิก รูป ซึ่งถ้าไม่มีจิตซึ่งเป็นสภาพรู้เกิดขึ้น โลกใดๆ ไม่ว่าทางตา ทางหู ฯลฯ ก็ย่อมไม่ปรากฎ
ขออนุโมทนาทุกท่านค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ สาธุ
กราบอนุโมทนาค่ะ
สภาวะจิตพระอรหันร์เป็นจิตที่รู้ ตื่น เบิกบาน ใช่หรือไม่คะ และถ้าใช่สภาวะนั้นยังมีภพหรือไม่
เรียนคุณ khunpit
สภาพจิตของพระอรหันต์ ไม่มีกิเลสใดๆ เหลือเลย สงบเย็นไม่ร้อนเพราะกิเลสอีก เมื่อพระอรหันต์ปรินิพพานแล้ว ภพใหม่ย่อมไม่มีอีก เพราะหมดปัจจัยให้เกิดแล้ว
สาธุ
ขอบคุณ คุณprachern.s ค่ะ
ขออนุโมทนาครับ