ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
คฤหัสถ์ไม่รู้จักหน้าที่พระ ไม่ศึกษาพระธรรม ไม่เข้าใจว่า กฐินคืออะไร กฐินเป็นเรื่องของผ้าเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับเงินทอง ตามพระธรรมวินัย และชาวพุทธไม่รู้ว่าผ้าป่า คืออะไร และ ไม่เข้าใจว่าภิกษุห้ามรับเงินและทอง พระพุทธเจ้าปรับอาบัติและติเตียนภิกษุรับเงินทอง แม้จะมาในรูปกฐิน หรือ ผ้าป่า ปักเงินมาถวายวัด คฤหัสถ์สำคัญว่าได้บุญ แต่ ทำลายพระภิกษุผู้รับเงินนั้น ส่วน พระภิกษุ ใช้คำว่าบุญ หลอกชาวบ้าน เรี่ยไรเงิน ด้วยคำว่ากองกฐินสร้างโบสถ์ ผ้าป่าสามัคคี สร้างโบสถ์ สร้างศาลา สร้างสำนักปฏิบัติธรรม สร้างห้องน้ำ สร้างโรงเรียน ไม่ใช่หน้าที่พระภิกษุ พระภิกษุเรี่ยไรเงิน รับเงิน ต้องอาบัติ เป็นภิกษุมิจฉาชีพ อลัชชี พระพุทธเจ้าทรงติเตียน ทั้งคฤหัสถ์และภิกษุผู้ไม่รู้ ก็สามัคคีกันช่วยกันทำลายพระพุทธศาสนา เพราะเหตุจากความไม่รู้และไม่ศึกษาพระธรรม แม้คำว่า ผ้าป่า คือ อะไร ภิกษุไม่พึงรับและยินดีในเงินและทอง พระพุทธเจ้าตรัสคำนี้ก็ไม่รู้ว่าคืออะไร สนใจแต่ คำว่า ได้บุญ แต่ ไม่ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจว่าสิ่งใดควร ไม่ควร
กฐิน
เรื่องของกฐินเป็นเรื่องที่ละเอียด และพระภิกษุและคฤหัสถ์ควรปฏิบัติอย่างถูกต้องในเรื่องของกฐินด้วยการศึกษาพระธรรมวินัยเพื่อเป็นการดำรงรักษาพระศาสนาไว้
คำว่า กฐิน มี ๒ ความหมาย คือ กฐินเป็นชื่อไม้สะดึง สำหรับขึงผ้าให้ตึงเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยในการเย็บผ้า และ กฐินตามพระวินัย หมายถึง ผ้าซึ่งเป็นผ้าสำหรับครองของพระภิกษุ เป็นผ้าผืนใดผืนหนึ่งในบรรดา ๓ ผืน (คือ ผ้าสบง ผ้าจีวร และ ผ้าสังฆาฏิ)
กฐิน เป็นการทำสังฆกรรมของพระภิกษุสงฆ์ทั้งหลาย ที่มาของกฐินนั้น คือ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงปรารภภิกษุชาวเมืองปาฐา ๓๐ รูป ซึ่งมีความประสงค์จะมาเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าที่วิหารพระเชตวัน ตอนนั้นจวนเข้าสู่ช่วงเข้าพรรษา ไม่สามารถเดินทางให้ทันวันเข้าพรรษาในพระนครสาวัตถี ก็เลยอยู่จำพรรษาตามพระวินัย ณ เมืองสาเกต เมื่อออกพรรษาแล้วท่านเหล่านั้นก็เดินทางต่อทันที ในช่วงนั้นฝนยังไม่หมดทำให้จีวรเปียกชุ่มด้วยน้ำ เกิดความลำบาก พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงปรารภในเรื่องนี้ จึงทรงอนุญาตให้ภิกษุที่อยู่จำพรรษาครบ ๓ เดือนแล้ว ทำการกรานกฐิน เพื่อเปลี่ยนผ้า ในช่วงจีวรกาลระยะเวลา ในการถวายกฐินนั้น มีระยะเวลา ๑ เดือน คือ หลังออกพรรษาแล้ว ตั้งแต่วันแรม ๑ ค่ำเดือน ๑๑ ถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ( [เล่มที่ 7] พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ กฐินขันธกะ หน้าที่ 193-240)
เรื่องกฐินเป็นเรื่องของผ้าเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับเงินทองเลย เพราะเหตุว่า เงินทองเป็นสิ่งที่เป็นอกัปปิยะ คือ สิ่งไม่เหมาะควรกับเพศบรรพชิต ตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงบัญญัติสิกขาบทไว้
[เล่มที่ 3] พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ ๙๔๐
พระบัญญัติ
๓๗. อนึ่ง ภิกษุใด รับ ก็ดี ให้รับ ก็ดี ซึ่งทอง เงิน หรือ ยินดีทอง เงิน อันเขาเก็บไว้ให้ เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์
(ภาพสำหรับพิมพ์-ปริ๊นท์ ใส่ซองแทนเงิน หรือแชร์ให้รู้ถูกต้องทั่วกัน)
หยุดเกรงใจความไม่รู้ เมื่อมีผู้เอาซองผ้าป่ากฐินมาให้
ภาพสำหรับเซฟไว้ เพื่อส่งทางไลน์ หรือ แชร์ทางเฟส หรือ ปริ๊นท์ให้คนที่แจกซองผ้าป่า และ ซองกฐิน โดยใส่ไปในซองแทนเงิน (มือถือ กดคลิกค้างที่ภาพแล้วกดดาวน์โหลด หรือ เซฟ)
คนที่ให้ซองผ้าป่า กฐิน ไม่รู้ว่า ผ้าป่าและกฐินไม่เกี่ยวกับเงิน เป็นเรื่องผ้าเท่านั้น ตามที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง และพระรับเงิน เรี่ยไรเงิน ต้องอาบัติ พระพุทธเจ้าติเตียน เพราะฉะนั้น เราก็ไม่ให้เงินใส่ซองกฐิน แต่เราให้ความรู้ความเข้าใจธัมมะที่ถูกต้อง โดยการเซฟรูปภาพ และ ปริ๊นท์ ใส่ซองผ้าป่า ซองกฐิน แทนเงิน
หยุดเกรงใจความไม่รู้ เพราะเขาเป็นญาติ เป็นหัวหน้า เป็นพี่น้อง เพื่อน หรือ คนสนิท แต่ให้ความรู้ความเข้าใจ กับ คนที่ให้ซองและให้กับพระภิกษุที่กระทำผิดพระวินัย จึงชื่อว่าเป็นบุญอย่างยิ่ง เพราะ ให้ความเข้าใจที่ถูกต้อง และ คนที่เข้าใจผิด ได้เข้าใจถูก และ สืบต่อพระพุทธศาสนาในทางที่ถูกต้อง ช่วยพระภิกษุไม่ต้องกระทำผิด และ ท่านต้องอาบัติ อันเป็นโทษที่ทำให้ท่านต้องไปสู่อบายภูมิ ตกนรก เพราะ อาบัติที่ติดตัว ปลงไม่ตก เพราะ ยินดีในเงินทอง ไม่สละเงินทองนั้น
คนมักเข้าใจว่า ทำบุญ ต้องเป็นการทำทานเท่านั้น แต่ บุญ คือ การชำระ ขัดเกลาจิตใจ ที่ไม่กระทำผิดตามพระวินัย ไม่ให้เงินพระ เป็นต้น และ การฟังธรรม แสดงธรรม และความเข้าใจถูกต้องในธรรม เป็นปัญญา เป็นบุญที่สูงสุดในพระพุทธศาสนา
ความเข้าใจที่ถูกต้องดังกล่าว ย่อมเป็นประโยชน์อย่างยิ่งหลายประการ ดังต่อไปนี้
1. ประหยัดเงิน คนที่ถูกเรี่ยไรในสิ่งที่ผิด นำเงินไปเป็นประโยชน์อย่างอื่นได้
2. ให้ความเข้าใจถูกในคนที่ให้ซอง เป็นบุญที่ทำให้เขาไม่ทำผิด และให้เขาเข้าใจถูก
3. รักษาพระภิกษุให้ไม่ต้องอาบัติ เพราะเรี่ยไรเงินทอง และรับเงินทอง เพราะการไม่ให้เงินในซองกฐิน ผ้าป่า แต่ใส่ภาพที่ปริ๊นท์ (ตามตัวอย่างด้านล่างนี้) เพื่อความเข้าใจถูกไปให้แทนเงิน
4. เป็นการเผยแพร่พระธรรม ความเห็นที่ถูกต้อง และเป็นการดำรงรักษาพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง
5. มิจฉาชีพจะน้อยลงและหมดไป เพราะจะมีรถกระบะ ที่อ้างวัดต่างๆ มาเรี่ยไร แจกซองกฐิน ผ้าป่า เข้ามาตามซอย ตามหมู่บ้าน ซึ่งก็มีทั้งพระที่มาเรี่ยไรเอง หรือจัดให้ผู้อื่นมาเรี่ยไร และคนมิจฉาชีพแฝงตัวมาก็มี ผิดทั้งพระ และมิจฉาชีพที่เป็นฆราวาส ที่หลอกลวง อยากได้เงิน โดยอ้างคำว่า "บุญ" บังหน้า
ตื่นเถิดชาวพุทธ โปรดศึกษาพระธรรมวินัย เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องแท้จริง ไม่ใช้ความคิดของตนเองตัดสิน แต่สอบทานความเข้าใจที่ถูกต้อง โดยตรงจากพระไตรปิฎก ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ (ไม่ใช่ฟังจากคำของคนอื่น) จึงจะชื่อว่า นับถือพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง
ผมก็เคยชี้แจงในเรื่องกฐินและผ้าป่าตามนี้ ผลปรากฏว่า ผมถูกมองไปในทางไม่ดี ขัดขวางการทำบุญ เขาทำกันมานานแล้ว เป็นประเพณีที่ดีงาม ที่จะต้องสืบทอดต่อไป เขาถือว่ากฐินเป็นกาลทาน ที่ปีหนึ่งทำได้หนเดียว จึงเป็นทานที่ได้กุศลมหาศาลจึงนิยมทำกัน ถ้าไม่ได้ศึกษาพระธรรม ก็ยากที่จะเกิดสัมมาทิฏฐิ ตอนนี้ผมจึงกลายเป็นแกะดำ แต่ผมก็ไม่ได้มีความทุกข์ใจอะไรที่ไม่มีใครเห็นด้วยกับคำชี้แจงของผม แต่ผมก็มีความปิติยินดี ในการที่ได้ศึกษาพระธรรม จาก มศพ.
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
สาธุครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
เมื่อเห็นว่าเป็นการผิดพระธรรมวินัย เราก็วางเฉย ไม่ร่วม ไม่บริจาค ก็จบครับ
ขออนุโมทนาครับ
เมื่อก่อนชอบทำบุญผ้าป่าและบุญกฐินมาก ใครให้ซองมาช่วยแจกก็จะช่วยแจกทันที เพราะคิดว่าเป็นบุญที่มีอานิสงส์มาก เดี๋ยวนี้ไม่ทำแล้วค่ะเพราะได้ศึกษาธรรมะจาก มศพ.
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ยังดี ที่เจอผู้ชี้ทางถูก ขอบพระคุณครับ
ที่ผ่านมา ยังเป็นตัวตั้งตัวตีร่วมจัดกฐิน รวมปัจจัยสร้างศาลา จัดผ้าป่ารวมปัจจัยซื้อที่ถวายวัด
คิดใหม่ละครับ หาวิธีอื่นที่ไม่ผิดพระธรรมวินัย และไม่หนีไกลคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดีกว่า
ขอบพระคุณครับ
อนุโมทนา สาธุ
ขออนุโมทนาในการให้สติคนไทย
ขออนุโมทนาครับ
ขอขอบคุณสำหรับความรู้ที่ถูกต้อง สาธุ อนุโมทนาบุญด้วยนะครับ